เต็งนักเตะ 'ซุปตาร์มาร์เก็ตติ้ง' คนต่อไป

เต็งนักเตะ 'ซุปตาร์มาร์เก็ตติ้ง' คนต่อไป

หากหมดยุค "โรนัลโด" และ "เมสซี" แล้ว ใครจะก้าวมาเป็นนักเตะซูเปอร์สตาร์ด้านการตลาดคนต่อไป

ฟุตบอลโลก 2018 กำลังจะรูดม่านปิดฉาก พร้อมกับเรื่องชวนใจหาย เช่น ทัวร์นาเมนท์ครั้งต่อไปในกาตาร์จะไม่จัดช่วงกลางปีเหมือนเคย แต่จะไปจัดในเดือนพ.ย. 2022

ในตอนนั้น “โรนัลโด” แข้งซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสจะมีอายุ 38 ปี และ “ลิโอเนล เมสซี” เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติอาร์เจนตินาจะมีอายุ 35 ปี ซึ่งฟุตบอลโลกที่รัสเซียในปีนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เห็นโรนัลโดและเมสซีลงเล่นในศึกฟุตบอลโลกร่วมกัน

ทั้ง 2 คนมีบทบาทสำคัญอย่างมากในฟุตบอลยุคนี้ และความสำเร็จมากมายจากผลงานในสนามของพวกเขาก็ถือเป็นความสำเร็จด้านเม็ดเงินและการตลาดเช่นกัน

สำหรับโรนัลโด ซึ่งโบกมือลา “เรอัล มาดริด” ยอดทีมแห่งสเปนที่ค้าแข้งมา 9 ปีไปซบ “ยูเวนตุส” ยักษ์ใหญ่แห่งกัลโช เซเรียอา อิตาลี การเซ็นสัญญากับแบรนด์อย่าง “ไนกี้” “เฮอร์บาไลฟ์” “แท็ก ฮอยเออร์” และ “แอบบอตต์ แล็บส์” บวกกับที่เปิดแบรนด์แฟชั่นเป็นของตัวเองชื่อ “ซีอาร์เซเว่น” (CR7) ทำให้เขามีรายได้ 108 ล้านดอลลาร์ต่อปี​

เฉพาะมูลค่าแบรนด์ของโรนัลโด คาดกันว่าจะอยู่ที่ 21.5 ล้านดอลลาร์ ทำให้เขาเป็นแบรนด์นักกีฬาที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับ 4 ของโลก เป็นรองเพียงโรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ ยอดนักเทนนิสชาวสวิส เลบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลซูเปอร์สตาร์แห่งเอ็นบีเอ และยูเซน โบลท์ ลมกรดชาวจาเมกา 

ส่วนเมสซี มีมูลค่าสูงสุดอันดับ 9 ของโลก ผลจากการเซ็นสัญญากับ “อาดิดาส” “เป๊ปซี่” “ยิลเลตต์” “เตอร์กิช แอร์ไลน์ส” และอื่น ๆ

แล้วสิ่งที่บ่งบอกความเป็น “แบรนด์โรนัลโด” นอกจากการมีอีโก้สูงในสนามคืออะไร หากมองในเชิงพาณิชย์ แบรนด์โรนัลโดมีทั้งพลัง ฝีเท้า และกล้ามอก! ทุก ๆ ประตูที่เขายิงได้และการถอดเสื้อฉลองแต่ละครั้ง ทำให้มูลค่าของหนึ่งในแบรนด์นักกีฬาแถวหน้าของโลกเพิ่มขึ้นทีละน้อย

ตรงกันข้ามกับ “แบรนด์เมสซี” ที่ดูเหมือนหนุ่มจากข้างบ้านน่าคบหา แม้ทักษะฟุตบอลของเมสซีจะไม่เป็นรองใครแต่ภาพลักษณ์ของเขาดูเข้าถึงได้ง่ายกว่ามาก

หากคนใดคนหนึ่ง หรือทั้งคู่ ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกครั้งหน้า ก็ไม่ได้หมายความว่าแบรนด์ของพวกเขาจะมีมูลค่าลดลงหรือหายสาบสูญไป อดีตนักเตะอย่าง “เดวิด เบ็คแฮม” จอมปั่นฟรีคิกแห่งอังกฤษ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แบรนด์นักฟุตบอลไม่จำเป็นต้องตายไปพร้อมกับการแขวนสตั๊ดเสมอไป มิหนำซ้ำยังพลิกโฉมแบรนด์ตัวเองได้อีกด้วย

แต่ก็มีคำถามว่า หากวงการฟุตบอลไม่มีโรนัลโดและเมสซีแล้ว ใครจะสืบทอดตำแหน่งสุดยอดนักเตะคนต่อไป ซึ่งฟุตบอลโลกปีนี้น่าจะช่วยไขคำตอบนั้นได้

รายแรกคือ “เนย์มาร์” ดาวเตะทีมชาติบราซิลที่พยายามจะสลัดออกจากร่มเงาของคู่แข่ง ด้วยการย้ายจากบาร์เซโลนาของเมสซี ไปร่วมทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมง (เปแอสเช) ของฝรั่งเศส ด้วยค่าตัวสถิติโลก

การได้ลงเล่นในเมืองหลวงแห่งแฟชั่นอย่างกรุงปารีส ช่วยเพิ่มจุดขายให้กับแข้งบราซิล (ปัจจุบัน เนย์มาร์เป็นที่รู้จักมากขึ้นจากแบรนด์เสื้อผ้าของเขา) เช่นเดียวกับการเล่นให้ทีมชาติบราซิล ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ทีมฟุตบอลที่โด่งดังที่สุดในโลก นอกจากนั้นยังเซ็นสัญญากับผู้ผลิตหูฟังชื่อดังอย่าง “บีตส์ บาย เดร” ด้วย

ทว่าชื่อเสียงของเนย์มาร์ในสนามไม่ค่อยดีนัก ด้วยสไตล์ชอบพุ่งล้ม หยิ่งยะโส และอวดตัวว่าทัดเทียมกับโรนัลโด ทั้งที่ยังไม่เคยพาบราซิลประสบความสำเร็จระดับเดียวกับที่โรนัลโดทำได้กับโปรตุเกส แถมพาทีมตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกด้วยน้ำมือของเบลเยียม ทำให้เนย์มาร์ก้าวขึ้นมาอยู่เหนือโรนัลโดหรือเมสซีได้ยาก

อีกคนที่อาจเป็นนักเตะแถวหน้ารุ่นต่อไป ก็คือ “พอล ป็อกบา” จอมปั้นเกมชาวฝรั่งเศส โดยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แบรนด์ของป็อกบาอยู่ในช่วงขาขึ้น การย้ายจากยูเวนตุสมาร่วมทีม “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้เขามีความน่าดึงดูดด้านการตลาดมากขึ้น

อาดิดาสที่เป็นสปอนเซอร์ของทั้งสโมสรและป็อกบายังจับเขาเล่นโฆษณากับ “สตอร์มซี” แร็ปเปอร์ชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ และป็อกบาเองก็น่าจะเป็นไอดอลแฟชั่นสตรีทได้ไม่ยาก

ทว่าหลังจากเริ่มฤดูกาลแรกกับแมนฯ ยูไนเต็ดด้วยผลงานต่ำกว่ามาตรฐาน ภาพลักษณ์แบรนด์ของเขาก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้เห็นว่าผลงานในสนามยังเกี่ยวพันกับภาพลักษณ์การตลาดของนักเตะ

อย่างไรก็ดี ป็อกบาและบรรดาแบรนด์พาร์ทเนอร์ของเขา กำลังพยายามกอบกู้ชื่อเสียงแง่บวกกลับมา และดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วยจากผลงานที่เขาพาทีมชาติฝรั่งเศสเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปีนี้

แม้โรนัลโดและเมสซีไม่อาจอยู่ค้ำฟ้าตลอดกาล แต่เชื่อว่าหลังจากฟุตบอลโลก 2018 ป็อกบาและเนย์มาร์ รวมถึงบรรดาตัวแทน สปอนเซอร์ และพาร์ทเนอร์ของทั้งคู่ จะต้องแข่งขันกันนอกสนามเพื่อชิงตำแหน่ง “แข้งเบอร์ 1 ของโลก” รุ่นต่อไป