ความแตกต่างระหว่าง “นักลงทุน & นักเก็งกำไร”

ความแตกต่างระหว่าง “นักลงทุน & นักเก็งกำไร”

กลยุทธ์ และ แนวความคิดในการตัดสินใจของนักลงทุน กับนักเก็งกำไรนั้นต่างกัน

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากต้นปีมาอย่างต่อเนื่องท่ามกลางปัจจัยต่างประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย อาทิเช่น ข้อพิพากการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐกับหลายประเทศ อัตราดอกเบี้ยสหรัฐและบางประเทศในเอเซียปรับขึ้น ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นต่อเนื่อง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบกับเงินสกุลต่างๆ

แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจของโลก คาดว่าจะขยายตัวได้ดีในปีนี้และ ขยายตัวในอัตราลดลงในปีหน้า รวมถึงประเทศไทย แต่ก็ไม่สามารถทนต่อกระแสข่าวต่างๆที่รุมเร้ายาวนานจากไตรมาสแรกปีนี้ได้ ส่งผลให้นักลงทุนขาดความมั่นใจ และเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต

ผมประเมินว่า พอร์ตการลงทุนมากกว่า 90% ของคนที่ถือหุ้นน่าจะขาดทุน ไม่ว่าท่านจะเรียกตัวเองว่านักเก็งกำไร หรือ นักลงทุน หรือ บางท่านใช้ศัพท์ทันสมัยกว่าเดิม คือ HYBRID INVESTOR ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่พยายามผสมผสานระหว่าง 2 แนวความคิดเข้าด้วยกัน แต่ไม่ว่าท่านจะเรียกตัวเองว่าอย่างไร ทุกคนรู้สึกแย่หมดกับพอร์ตตัวเอง

แม้ว่าปัจจัยลบจากต่างประเทศยังไม่ถูกถอดออกไป แต่ราคาหุ้นและผลตอบแทนการลงทุนในอนาคตเปลี่ยนไปมาก ทำให้ผมอยากแชร์ความคิดบางประการเพื่อให้ท่านนักลงทุนประเมินกลยุทธ์ลงทุนของท่านเองในรอบ 6-12 เดือนเป็นอย่างไร เรามีสิ่งใดที่ควรเปลี่ยน หรือ เพิ่มเติมจากเดิม

ผมคงบอกท่านไม่ได้ว่า ลักษณะการลงทุนแบบใดเหมาะสม หรือ ดีกว่ากัน เนื่องจากผมก็เคยพบกับนักเก็งกำไร และ นักลงทุนที่ประสบผลสำเร็จ เพียงแต่ท่านผู้อ่านลองทบทวนการถือหุ้นของท่านเองว่ามีองค์ประกอบเอนเอียงไปทางใด และท่านควรเพิ่มเติมอย่างไร หรือท่านมีลักษณะเหมาะกับการลงทุนประเภทใด กลยุทธ์ และแนวความคิดในการตัดสินใจของนักลงทุน กับนักเก็งกำไรนั้นต่างกัน บางครั้งท่านเอามาปนกันเลยเป็นปัจจัยที่ทำให้ไม่ประสบผลสำเร็จในเรื่องการลงทุนหรือไม่

สำหรับราคาหุ้นบริษัทใน SET-100 มากมายขณะนี้ที่มีอัตราเงินปันผลคาดการณ์เพิ่มสูงถึงระดับ 3.5-6% แม้ว่ากำไรบริษัทดังกล่าวทรงตัวเท่ากับผลประกอบการปี 2560 มูลค่าหุ้นประเมินเทียบกับกำไรบริษัท มูลค่าทางบัญชีถูกลงกว่า 30-50% ท่ามกลางความสับสนวุ่ยวายไปกับข่าวหนังสือพิมพ์รายวัน บางท่านมองว่าเป็นโอกาส บางท่านมองว่าวิกฤต สำหรับผม ข้อมูลตัวเลข และทิศทางกำไรบริษัทเท่านั้นคือ สิ่งที่สามารถบอกเราได้ว่า การถือหุ้น หรือถือเงินสดอย่างไรคุ้มค่ากว่ากัน