ปลดล็อคมหาเถรฯ ปฏิรูปสงฆ์ด้วยสงฆ์
ผ่านครม.อย่างเงียบเชียบสำหรับวาระ "รับหลักการ" ร่างกฎหมายแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 เมื่อวันอังคารที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นทั้งจากพระและประชาชนทั่วไป ให้เวลา 7 วัน สิ้นสุด 27 มิ.ย.นี้
การแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ รอบนี้นับว่าน่าสนใจ เพราะอ่านดู "หลักการ" แล้วชัดเจนว่าพุ่งเป้าไปที่การล้มเลิกโครงสร้างมหาเถรสมาคม (มส.) ตามกฎหมายเดิมที่มาจากสมเด็จพระราชาคณะทุกรูปโดยตำแหน่ง และพระราชาคณะที่แต่งตั้งโดยสมเด็จพระสังฆราชอีกไม่เกิน 12 รูป รวมเป็น 20 รูป
เหตุผลมี 2 ข้อหลักๆ คือ 1.เพราะกรรมการ มส.หลายรูปชราภาพ มีปัญหาสุขภาพ ไม่สามารถเข้าประชุมได้อย่างสม่ำเสมอ และ 2.กรรมการบางรูปต้องคดีอาญา ทำให้เสื่อมศรัทธาในหมู่พุทธศาสนิกชน
เหตุผลข้อแรกเคยมีงานศึกษาวิจัยหลายชิ้นมองเห็นปัญหา และเสนอแนวทางแก้ไขเอาไว้เหมือนกัน ส่วนข้อ 2 สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งคดีเงินทอนวัดและคดีอดีตพระเถระผู้ใหญ่ถูกจับกุม จับสึก ถอดสมณศักดิ์ เพราะต้องคดียักยอกทรัพย์ของวัดและฟอกเงิน บางรายมีหลักฐานโยงถึงปาราชิก
การแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ รอบนี้จึงถือว่าตรงจุด ตรงประเด็น โดยโครงสร้างใหม่ของ มส.จะมีองค์ประกอบ 20 รูปเท่าเดิม แต่ถวายเป็นพระราชอำนาจให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากพระภิกษุผู้มีพรรษาอันสมควร และมีจริยวัตรที่เหมาะสมแก่การปกครองคณะสงฆ์ รวมทั้งให้ทรงมีพระราชโองการให้กรรมการ มส.พ้นตำแหน่งได้ ซึ่งหลักการนี้ให้ใช้กับการแต่งตั้งหรือถอดถอนเจ้าคณะใหญ่ รวมไปถึงเจ้าคณะภาคด้วย
ปัญหาโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์เป็น 1 ใน 4 ปัญหาใหญ่ในวงการผ้าเหลืองสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เคยสรุปเอาไว้ เมื่อแนวทางแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ ออกมาแบบนี้ ย่อมหมายความว่านี่คือการ "ปลดล็อค" ให้การปฏิรูปสงฆ์ด้านอื่นๆ เดินหน้า ด้วยการ "เซ็ตซีโร่" มหาเถรสมาคมเสียใหม่ เพื่อให้อะไรๆ ที่เคยติดๆ ขัดๆ ถูกคัดค้าน ถูกขัดขวางจากพระผู้ใหญ่ที่เป็นกรรมการ มส.บางรูป เช่น การจัดการศาสนสมบัติของวัดที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ฯลฯ คราวนี้ก็จะเริ่มเดินหน้าจริงๆ ได้เสียที
และนี่ก็คือการปลดล็อคเพื่อนับหนึ่งปฏิรูปสงฆ์ด้วยสงฆ์เอง