‘สตาร์ทอัพ อีเวนท์’ ยิ่งมาก ยิ่งเห็นโอกาส

‘สตาร์ทอัพ อีเวนท์’ ยิ่งมาก ยิ่งเห็นโอกาส

ธุรกิจสตาร์ทอัพคือนักรบที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

จากวิสัยทัศน์ของภาครัฐที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น "Startup Hub" ของภูมิภาคเอเชีย กับการขานรับจากหลายภาคส่วนทั้งหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐและภาคเอกชนที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจของสตาร์ทอัพที่เข้ามามีบทบาทสตาร์ทอัพในบริบทต่างๆ 

ในช่วงนี้เราจึงเห็นงานอีเวนท์เกี่ยวกับธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศที่มุ่งหวังผลลัพท์ในการจัดงานคือ ผลักดันให้ธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทยมีการพัฒนาและยกระดับสู่ตลาดโลกมากขึ้น ผ่านการจัดงานต่างๆ เช่น งาน Startup Thailand 2018 ซึ่งจัดโดยกระทรวงวิทย์ฯ ที่เพิ่งจบไป รวมไปถึงงานประชุมอื่นๆ ที่กำลังจะจัดขึ้นเร็วๆ นี้ ด้วยสเกลการจัดงาน วิทยากรและกูรูในวงการสตาร์ทอัพที่ตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง 

แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการจัดงานขนาดใหญ่ รวมทั้งแสดงศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีของประเทศไทยในปัจจุบันว่ามีการเติบโตและไปได้ไกลเพียงใด นอกจากนี้ยังเห็นโอกาสที่เปิดกว้างมากขึ้นสำหรับคนทำธุรกิจสตาร์ทอัพเมื่อเทียบกับ 3 – 4 ปีก่อนอีกด้วย 

เรื่องนี้ในฐานะที่เป็นคนในแวดวงสตาร์ทอัพก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นการเติบโตของระบบนิเวศที่สมบูรณ์และเป็นสากลมากยิ่งขึ้น การจัดงานอีเวนต์ในปัจจุบันนอกจากจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์หรือประชาสัมพันธ์แล้ว ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างคอมมูนิตี้ ในการพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ และพื้นที่ของโอกาสใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ 

การจัดหรือเข้าร่วมสตาร์ทอัพอีเวนท์(Startup Event) ถือเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงความมีตัวตน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ แชร์เทคโนโลยี ความคิด ไอเดียใหม่ๆ ไปจนถึงการนำเสนอธุรกิจเพื่อจับคู่ธุรกิจสตาร์ทอัพกับนักลงทุน เรียกว่างานเดียวรวมทุกอย่างซึ่งถือเป็นการรวมอีโคซิสเต็มส์ของสตาร์ทอัพที่สมบูรณ์ที่สุด เพราะมีทั้งกลุ่มเจ้าของสตาร์ทอัพ กลุ่มนักลงทุน และกลุ่มองค์กรที่สนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพทำให้ธุรกิจเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ธุรกิจเงินร่วมลงทุน(Corporate Venture Capital) หรือสื่อมวลชนต่างๆ เข้าร่วมงาน

นอกเหนือจากกลุ่มผู้ทำธุรกิจสตาร์ทอัพที่ได้ประโยชน์จากการเข้าร่วมงาน หน่วยงานที่จะได้รับประโยชน์จากการจัดงานดังกล่าวก็คือกลุ่มนักลงทุน Venture Capital ที่จะได้เห็นมุมมองธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถสร้างกำไรได้ในอนาคต ยิ่งปัจจุบันการจัดงานในไทยเริ่มยกระดับมาตรฐานสู่สากล มีกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน มีการเชิญคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจระดับโลกมาแชร์ประสบการณ์ ก็ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้เห็นศักยภาพของสตาร์อัพไทยในภาพรวม รวมถึงดึงดูดกลุ่มนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้สนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น การสร้างเครือข่าย(Connection) ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่สำคัญที่ได้รับจากงานอีเวนท์ลักษณะนี้

ส่วนตัวมองว่างานอีเวนท์ลักษณะนี้นอกจากจะเป็นโอกาสที่ดีในการยกระดับสตาร์ทอัพอีเวนต์ของไทยสู่ตลาดโลกให้ต่างชาติสนใจ ยังเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในหลายๆ ด้านมากขึ้น 

เพราะจากผลสำรวจทางเศรษฐกิจทั่วโลก การจัดงานที่มีหน่วยงานของภาครัฐเป็นผู้ขับเคลื่อนรายใหญ่และเป็นผู้สนับสนุนจะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจเหล่านั้นประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น และการที่หน่วยงานภาครัฐมีการออกนโยบายต่างๆ เช่น การแยก พ.ร.บ.สตาร์ทอัพออกจาก พ.ร.บ.เอสเอ็มอี และนโยบายการทำ Smart Visa รูปแบบพิเศษเพื่อให้คนต่างชาติที่เข้ามาทำสตาร์ทอัพในไทยสามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปี ก็นับเป็นการดึงดูดสตาร์ทอัพต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ ทั้งในด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ง่ายขึ้นของสตาร์ทอัพ และการจ้างงานในประเทศ 

เมื่อมีต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้นก็เกิดการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้มากขึ้น ที่สำคัญเกิดการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมากขึ้น ดังนั้นหากธุรกิจสตาร์ทอัพคือนักรบที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย แม่ทัพสำคัญที่จะทำให้ได้ชัยชนะในงานนี้ก็คือภาครัฐนั่นเอง 

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ โอกาสได้เปิดกว้างให้แล้วทั้งการให้ความสนใจจากภาครัฐในการออกนโยบายการสนับสนุน ภาคเอกชนที่สนับสนุนด้านเงินลงทุนและให้ความรู้ ทั้งหมดมารวมกันอยู่ในงาน Startup Event ต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงได้