สึนามิการเมืองมาเลย์ ระวังสะเทือนถึงไทย

สึนามิการเมืองมาเลย์ ระวังสะเทือนถึงไทย

ผลเลือกตั้งแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินที่มาเลเซีย ไม่ใช่แค่หักปากกาเซียนทั่วโลก ไม่ใช่แค่พรรคพันธมิตรบีเอ็นและอัมโน ต้องพ่ายแพ้

กลายไปเป็นฝ่ายค้านครั้งแรกในรอบกว่า 60 ปีของประวัติศาสตร์การเมืองยุคใหม่มาเลเซียหลังได้รับเอกราชเท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดอื่นๆ ที่น่าศึกษาอีกมาก

       เพราะนี่คือการใช้ “การเมืองแก้ปัญหาการเมือง” โดยไม่ต้องใช้บริการกองทัพ ใช้การเลือกตั้งแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่มีการกล่าวหาอดีตนายกฯนาจิบ ราซัค ตลอดจนบุคคลแวดล้อมมาเนิ่นนาน แต่ไม่สามารถใช้กลไกการตรวจสอบที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฝ่ายที่ถืออำนาจรัฐควบคุมทุกองคาพยพแบบเบ็ดเสร็จ แม้จะมีการจัดชุมนุมใหญ่ขับไล่มาแล้วหลายครั้งก็ตาม

      และนี่คือ “พลังของประชาชน ที่ร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงภายใต้กติกาประชาธิปไตยที่ทุกคนยอมรับร่วมกัน ซึ่งผู้แพ้ไม่อาจโอดครวญโต้เถียงว่าถูกกลั่นแกล้งจากอำนาจที่ไม่เป็นธรรมได้เลย

      ก่อนการเลือกตั้งในมาเลย์ มีเรื่องราวอื้อฉาวเกิดขึ้นมากมายคล้ายๆ กับประเทศแถวๆ นี้ที่เราคุ้นๆ กันอยู่ เช่น ภริยาของอดีตนายกฯนาจิบ โดนข้อกล่าวหาเรื่องนาฬิกาหรู รัฐบาลรักษาการประกาศลดหย่อนภาษีและคืนภาษีให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 26 ปีเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหย่อนบัตร เพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่ซึ่งมีกระแสต่อต้านรัฐบาลอย่างแข็งขัน หนำซ้ำยังประกาศเพิ่มวันหยุดราชการก่อนเทศกาลถือศีลอด รวม 5 เพื่อเอาใจพี่น้องมุสลิม

ขณะเดียวกัน พรรครัฐบาลได้ออกกฎหมายเปิดทางให้สามารถดำเนินคดีกับผู้ที่แชร์ข่าวเท็จ หรือ fake news เพื่อสกัดการใช้โซเชียลมีเดียสร้างกระแสของฝั่งที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล

หนักที่สุดก็คือ ผู้มีอำนาจสั่งได้กระทั่งกรรมการการเลือกตั้งที่ควรจะเป็นอิสระ ทำให้มีการแบ่งเขตเลือกตั้งเอื้อประโยชน์ให้พรรครัฐบาล แถมท้ายด้วยการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันธรรมดา คือ วันพุธ แทนที่จะเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ด้วยหวังว่าจะทำให้คนรุ่นใหม่ คนวัยทำงานที่เบื่อหน่ายรัฐบาลจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำและข้อกล่าวหาคอร์รัปชัน ไม่สามารถไปลงคะแนนได้มากเท่าที่ควรจะเป็น

แต่ผลก็คือ ประชาชนไปต่อคิวยาวเหยียดแทบทุกหน่วยเลือกตั้งเพื่อลงคะแนนและร่วมในภารกิจเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ประเทศ

สึนามิการเมืองในมาเลย์ คงทำให้ใครบางคนแถวๆ นี้หนาวได้เหมือนกัน!