สำหรับเจ้าของธุรกิจเริ่มใหม่หรือที่ในยุคนี้มักเรียกกันว่า “สตาร์ทอัพ”นั้น เรื่องของการมีไอเดียที่เก๋ไก๋ แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะยืนยันได้ว่า ธุรกิจสตาร์ทอัพนั้นๆจะสามารถสร้างกำไรหรือสร้างผลตอบแทนกลับมาให้แก่เจ้าของธุรกิจได้มากมายหรือรวดเร็วตามที่คิดเอาไว้
เจ้าของแหล่งเงินทุนสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ รวมถึงผู้บริหารกองทุนเงินร่วมลงทุนในธุรกิจ จะทราบเป็นอย่างดีว่า ธุรกิจสตาร์ทอัพที่จะสามารถทำเงินได้และมีการเติบโตในอัตราเร่งที่รวดเร็วนั้น เรื่องของไอเดียธุรกิจนั้นยังเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญกว่านั้นก็คือเรื่องของ “โมเดลธุรกิจ” ที่เจ้าของสตาร์ทอัพนั้นวางแผนไว้ให้กับธุรกิจของตน
“โมเดลธุรกิจ” ที่ว่านี้ก็คือ วิธีการที่เจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพจะนำเสนอธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ของตนให้เป็นที่ถูกใจจนลูกค้าเป้าหมายที่กำหนดไว้จะตัดสินใจซื้อหรือยินดีจ่ายเงินเพื่อให้ได้สินค้าหรือบริการนั้นมาอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องคิดนาน จนสามารถเอาชนะธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาดได้
โมเดลธุรกิจสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่มีตัวอย่างของความสำเร็จมากพอที่จะทำให้ผู้ที่จะมาสนับสนุนเงินทุนหรือร่วมลงทุนเห็นความเป็นไปได้ที่ไอเดียธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้ จะต้องเป็นโมเดลที่จะสามารถสร้างยอดขายได้อย่างรวดเร็ว หรือสามารถลดต้นทุนของการทำธุรกิจให้ต่ำที่สุด หรือสามารถนำโมเดลธุรกิจเดิมไปใช้ขยายขนาดของธุรกิจหรือยอดขายไป ได้โดยไม่จำกัด
ซึ่งโลกธุรกิจสตาร์ทอัพที่ผ่านๆ มา มีตัวอย่างของโมเดลธุรกิจที่โดดเด่นจนทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างงดงามหลายๆ โมเดล ตัวอย่างเช่น......
1.โมเดลธุรกิจแบบเป็นสถานที่นัดพบของผู้ซื้อและผู้ขาย หรือที่มักเรียกกันว่า Marketplace โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ซื้อและผู้ขายมาพบปะกันได้โดยสะดวก โดยนำเสนอสินค้าหรือบริการเฉพาะกลุ่มที่น่าสนใจ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนในปัจจุบัน ได้แก่ Airbnb ที่เป็นสถานที่พบปะกันของ เจ้าของบ้านที่มีห้องเหลือว่างไม่ได้ใช้งาน กับนักเดินทางที่ต้องการที่พักแบบประหยัด หรือ Uber ที่เป็นที่พบปะกันของเจ้าของรถยนต์ที่มีเวลาว่าง และผู้โดยสารที่ต้องการประหยัดเวลาในการเรียกรถแท๊กซี่ เป็นต้น
ข้อดีของโมเดลธุรกิจสตาร์ทอัพแบบ Marketplace นี้ก็คือ สตาร์อัพ ไม่ต้องมีการลงทุนในการผลิตหรือจัดเก็บจัดส่งสินค้า ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจลดลงได้มาก
2.โมเดลธุรกิจแบบเป็นทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลาง รับซื้อสินค้าจากผู้ผลิต มาจำหน่ายต่อให้กับผู้ซื้อโดยสร้างแบรนด์ที่เป็นของตนเองขึ้นมาและขายให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเฉพาะ มักจะเห็นได้ในกรณีของเครื่องสำอาง หรืออาหารเสริมต่างๆ ของชำร่วย เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ในบ้าน เป็นต้น
ข้อดีของโมเดลธุรกิจนี้ก็คือ สตาร์ทอัพสามารถตั้งราคาขายได้เองจากภาพลักษณ์และตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์ที่สร้างขึ้น โดยได้สินค้าต้นทุนต่ำจากผู้ผลิต หรือสตาร์อัพสามารถตั้งราคาสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าตลาดเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อได้ ทำให้มีความคล่องตัวทางธุรกิจสูง
3.โมเดลธุรกิจแบบอีคอมเมิร์ซ หรือขายสินค้าผ่านหน้าร้านแบบออนไลน์โดยเน้นไปที่การใช้สื่อสังคมออนไลน์แทนการเข้าไปร่วมเป็นสมาชิกของเจ้าของมาร์เก็ตเพลส หรือแพลทฟอร์ม ตามโมเดลแรกที่นำเสนอ การใช้สื่อสังคมออนไลน์จะทำให้สตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงผู้ซื้อได้ในวงที่กว้างกว่า และสามารถทำยอดขายได้จากสินค้าหรือบริการที่ผู้ซื้อไม่ได้ตั้งใจซื้อโดยตรง หรืออยากได้แต่ไม่รู้จะไปหาได้ที่ไหน แต่เผอิญมาพบเข้าในสื่อสังคมออนไลน์โดยบังเอิญ หรือได้รับการบอกต่อมา
4.โมเดลธุรกิจแบบนำเสนอสินค้าพิเศษเฉพาะตัวของผู้ซื้อไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ชื่อ พิมพ์ลาย ที่ต้องการ การออกแบบสินค้าหรือลวดลายโดยผู้ซื้อด้วยตัวเอง ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบัน เช่น เครื่องพิมพ์ 3 มิติ หรือการแกะสลักด้วยแสงเลเซอร์ จะทำให้โมเดลธุรกิจนี้เป็นไปได้ง่ายขึ้นและมีต้นทุนที่ลดลงมาก
5.โมเดลธุรกิจแบบออนดีมานด์ที่ให้ผู้ซื้อจ่ายเงินเฉพาะสินค้าหรือบริการที่ต้องการ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากสำหรับธุรกิจบันเทิง เช่นการดูภาพยนต์แบบออนไลน์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้ตามความต้องการ ซึ่งสร้างความสะดวกให้กับลูกค้าได้แบบทุกที่ทุกเวลา เป็นการใช้เฉพาะครั้ง ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บตัวสินค้า เช่น แผ่นดีวีดี ไว้ตลอดไป รวมไปถึงธุรกิจบริการรับส่งสินค้า หรือรับซื้ออาหาร ที่ได้นำโมเดลธุรกิจแบบออนดีมานด์นี้ไปใช้และได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง
6.โมเดลธุรกิจแบบให้ลองใช้ฟรีบางส่วนก่อนหากชอบใจสามารถซื้อชุดเต็มมาใช้ได้ภายหลัง โมเดลธุรกิจนี้สามารถตอบโจทย์ให้กับลูกค้าที่ยังไม่แน่ใจว่าสินค้าหรือบริการที่สตาร์อัพนำเสนอจะตรงกับความต้องการหรือสามารถนำไปใช้จริงได้ตามคำโฆษณา มักนำไปใช้กับเกม หรือแอพพลิเคชั่น ต่างๆ โดยสตาร์อัพที่จะนำโมเดลธุรกิจนี้มาใช้ จะต้องมีความมั่นใจว่า ตัวอย่างที่ยอมให้ใช้ฟรีนั้น จะต้องสามารถดึงดูดให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7.โมเดลธุรกิจแบบให้บริการประจำโดยคิดค่าบริการรายเดือนหรือเป็นรายงวดโมเดลธุรกิจนี้เกิดขึ้นมานานแล้วแต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจสตาร์อัพที่นำเทคโนโลยีมาประกอบ ธุรกิจประเภทฉีดยาฆ่าปลวก กำจัดหนู กำจัดแมลงสาป ที่คิดค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือนหรือรายปี ทำให้ผู้ซื้อไม่ต้องคอยกังวลว่าจะต้องสั่งซื้อเป็นครั้งคราว หากลืมก็จะขาดการบริการ โมเดลธุรกิจแบบนี้จะให้ความมั่นใจกับผู้ซื้อว่าจะได้รับสินค้าหรือบริการอย่างต่อเนื่อง และทำให้ผู้ขายสามารถคิดค่าบริการล่วงหน้าเป็นก้อนใหญ่ได้
ไม่ว่าจะเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพจะมีไอเดียบรรเจิดอย่างไรกับสินค้าหรือบริการที่อยากสร้างขึ้นมาให้ประสบความสำเร็จ แต่หากนำโมเดลธุรกิจที่ไม่เหมาะสม หรือไม่สอดคล้องกับตัวสินค้าหรือบริการ ก็อาจทำให้ธุรกิจสตาร์อัพ ไม่สามารถสร้างยอดขายและการเติบโตในอัตราที่ก้าวกระโดดได้ตามที่คาดหวังไว้
และมีผู้ให้คำแนะนำว่า เจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่พยายามคิดโมเดลธุรกิจแบบใหม่ๆ ในแบบที่ผู้ซื้อหรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อาจเข้าใจยากเพราะไม่เคยพบเห็นหรือไม่คุ้นเคยมาก่อน ก็อาจทำให้เกิดอุปสรรคต่อการระดมทุนจากเจ้าของทุนหรือผู้บริหารที่จะตัดสินใจในการร่วมลงทุนได้
ดังนั้น เจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพอาจจะลองวิธีเลือกใช้โมเดลธุรกิจที่มีต้นแบบและประสบความสำเร็จมาก่อน ก็จะเป็นการเริ่มต้นที่ง่ายกว่า!!!