โอกาส 'ซื้อหุ้น' ท่ามกลางผลตอบแทนสหรัฐฯขึ้น

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนท่ามกลางประเด็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวอายุ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อกระแสเงินทุนให้ไหลออกจากเอเซีย อันเกิดจากต้นทุนการกู้ยืมเงินการทำcarry trade (การกู้เงินต้นทุนถูกและนำเงินลงทุนไปแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่า) และอาจรวมถึงต้นทุนการเงินบริษัทที่จะสูงขึ้นซึ่งส่งผลต่อค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสำหรับงบการเงินบริษัท
การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ สะท้อนมุมมองการลด QE ของนโยบายธนาคารสหรัฐก่อนหน้านี้ ภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งดีต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อที่ลอยขึ้นอย่างช้าๆ ในความจริงคือ การลงทุนในตลาดหุ้น เราคาดหวังราคาหุ้นที่ลอยตัวขึ้นซึ่งสนับสนุนโดยกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ขยายตัวได้เพิ่มขึ้น

ดังนั้น การเทขายหุ้นที่เกิดขึ้นจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐก็น่าจะเป็นโอกาสสำหรับการซื้อหุ้นที่ดีเข้าพอร์ตไม่ใช่หรือ...

ท่านนักลงทุนอาจคิดว่า ผมโม้ หรือ มโนไปเองหรือเปล่าว่า ควรซื้อหุ้นท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่สูงขึ้น วันนี้ ผมเลยเอาข้อมูลสถิติบางอย่างมาแสดงให้ท่านดู จากตารางด้านล่าง คือ อัตราผลตอบแทนการลงทุนของตลาดหุ้นสหรัฐ เอเซีย และไทย ในช่วงเวลาที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีสหรัฐปรับสูงขึ้น

เราพบว่า การลงทุนในตลาดหุ้นท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในอดีตไม่ได้ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกล่มสลายอย่างที่หลายท่านเข้าใจ แต่ในทางกลับกัน ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ หรือ อัตราเงินฝากประจำในธนาคารด้วย

ข้อมูลในตารางบ่งชี้ว่า การลงทุนในตลาดหุ้นสามารถได้รับผลประโยชน์เชิงบวกจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ประชาชนมีความมั่นใจในการใช้สอยเงินซื้อสินค้าบริโภค หรือ เพื่อการลงทุน ในทางกลับกัน เมื่อเศรษฐกิจแย่ลง นักลงทุนในตลาดหุ้นจะประเมินว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนจะอ่อนแอ หรือ หดตัว การลงทุนในตลาดหุ้นจะเริ่มให้ผลตอบแทนที่ไม่ดี นั่นแสดงว่า นักลงทุนควรมองว่าโอกาสสำหรับการซื้อหุ้นดี ราคาเหมาะสมมากกว่าจะกลัวว่าตลาดหุ้นจะพัง โดยอาจเริ่มต้นอย่างง่ายด้วยการลงทุนผ่านกองทุน หรือ โครงการสะสมหุ้น ออมหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ก็ได้เช่นกันครับ