มหาวิทยาลัยที่กำลังถูก Disrupt

มหาวิทยาลัยที่กำลังถูก Disrupt

ระแสเรื่องของ Disruption เป็นสิ่งที่องค์กรต่างๆ ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ เพียงแต่จะเกิดขึ้นกับแต่ละอุตสาหกรรมหรือแต่ละธุรกิจช้าหรือเร็วเท่านั้น

 สำหรับในด้านการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัยก็หนีไม่พ้นเช่นเดียวกัน ถึงแม้การถูก Disrupt จะมาช้ากว่าภาคเอกชน แต่สุดท้ายกระแสของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นก็กำลังคืบคลานเข้ามา และที่น่าสนใจต่อไปอีกคือภายใต้แต่ละศาสตร์หรือสาขาของการศึกษาระดับอุดมศึกษา ความเร็วและความรุนแรงในการถูก Disrupt ก็จะแตกต่างกัน

อย่างไรก็ดีไม่ว่าจะเป็นศาสตร์หรือสาขาวิชาไหน ปัจจัยการเปลี่ยนแปลงจากภายนอกที่ได้เข้ามา Disrupt การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยทั่วโลกนั้นจะคล้ายๆ กัน เริ่มต้นจาก พัฒนาการในด้านเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อกระบวนการเรียนการสอนต้องปรับเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการสอนในห้องเรียนแบบเดิม หรือ การสอนผ่านระบบออนไลน์ต่างๆ นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างประชากรในประเทศไทยและอีกหลายๆ ประเทศ ที่เด็กเกิดใหม่น้อยลงทำให้ปริมาณนิสิตนักศึกษาที่จะเข้าสู่ระบบอุดมศึกษาลดน้อยลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยจำนวนมากในการรับนักศึกษารุ่นใหม่ในแต่ละปี

นอกจากนี้ พฤติกรรมและค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่เป็นคนรุ่น Gen Z ที่กำลังเข้าสู่การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยในปัจจุบัน สำหรับคนรุ่นนี้ปริญญาหรือการศึกษาอย่างเป็นทางการผ่านระบบมหาวิทยาลัยอาจจะไม่ใช่สิ่งที่มองหาอีกต่อไป ในเมื่อมีทางเลือกอย่างมากมายสำหรับการแสวงหาความรู้หรือคำตอบที่ต้องการ ประกอบกับความคาดหวังและความต้องการของผู้ใช้บัณฑิตก็เปลี่ยนไปจากในอดีต องค์กรต่างๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรธุรกิจที่ตนเองก็กำลังถูก Disrupt) ไม่ได้ต้องการบัณฑิตที่มีเพียงแต่ความรู้ตามตำราหรือในทฤษฎีเท่านั้น แต่ผู้จ้างงานให้ความสนใจต่อทักษะมากกว่าและเป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็นต่อการทำงานในโลกอนาคต

ปัจจัยอีกประการที่กำลังเข้ามา Disrupt มหาวิทยาลัย คือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ตัว ความรู้ที่บัณฑิตได้รับจากการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยล้าสมัยไปอย่างรวดเร็ว ความรู้ที่ได้รับจากมหาวิทยาลัยนั้นไม่เพียงพอที่จะใช้ในการทำงาน ประกอบอาชีพไปจนบุคคลผู้นั้นเกษียณอีกต่อไป อีกทั้งสำหรับคนรู้ใหม่แล้วความรู้ในศาสตร์สาขาเดียวจะไม่เพียงพอต่อการประกอบอาชีพในอนาคตได้อีกต่อไป เพราะคนรุ่นใหม่อาจจะเปลี่ยนอาชีพหรือวิชาชีพไปไม่ต่ำกว่า 5 สาขากว่าจะอายุครบ 40

ประกอบกับปัจจุบันมหาวิทยาลัยไม่ได้เป็นทางเลือกเดียวในการแสวงหาความรู้อีกต่อไป เนื้อหาต่างๆ ในโลกออนไลน์ ถ้ารู้จักที่จะคัดเลือกและสังเคราะห์ดีๆ ก็ให้ความรู้ที่ไม่ต่างจากเรียนในมหาวิทยาลัย อีกทั้งมีองค์กรหรือรูปแบบทางเลือกใหม่ๆ ที่นำเสนอความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในศตวรรษใหม่ ด้วยรูปแบบและวิธีการที่แตกต่างไปจากรูปแบบเดิมๆ ในมหาวิทยาลัย ดังนั้นถ้าคนที่ไม่ยึดติดกับใบปริญญาหรือชื่อของสถาบันที่จบการศึกษามา ในโลกปัจจุบันถือว่ามีทางเลือกอื่นๆ อีกมากมายในการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ

สุดท้าย บทบาทหนึ่งที่สำคัญของมหาวิทยาลัยคือการเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาในศาสตร์ต่างๆ อย่างไรก็ดีจะเริ่มพบว่าในปัจจุบันได้เริ่มมีองค์กรต่างๆ ทำหน้าที่ในส่วนนี้แทนมหาวิทยาลัยมากขึ้นทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ต่างๆ สถาบันการเงิน หน่วยงานของรัฐ บริษัทที่ปรึกษา ฯลฯ ที่ต่างเริ่มให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและการวิจัยและพัฒนามากขึ้น และที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือ องค์ความรู้ที่องค์กรนอกมหาวิทยาลัยพัฒนาขึ้นมานั้น จะสามารถแก้ปัญหาและตอบโจทย์ทางสังคม อุตสาหกรรม และธุรกิจได้ดีกว่า เนื่องจากองค์กรเหล่านี้ใกล้ชิดกับปัญหาและพัฒนาองค์ความรู้ โดยมองที่ประโยชน์และการใช้งานเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อการตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการเพียงอย่างเดียว

ความท้าทายต่างๆ ข้างต้นจริงๆ แล้วไม่ยากเกินกำลังความสามารถของมหาวิทยาลัยทั้งหลายในการรับมือและก้าวทันการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ความท้าทายที่สำคัญอยู่ที่การทำให้คนมหาวิทยาลัย ตระหนัก ยอมรับ เข้าใจ และ พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงต่างหาก