เศรษฐกิจทรุดหนัก ฝากบอก... ด้วย

เศรษฐกิจทรุดหนัก ฝากบอก... ด้วย

ทุกวันนี้ทางราชการใช้สื่อซึ่งครอบงำไว้อยู่หมัดโหมโฆษณาชวนเชื่อว่าเศรษฐกิจดี แต่แท้จริงแล้วเศรษฐกิจกำลังเสื่อมทรุดอย่างหนัก

อันนี้ผมไม่ได้คิดจะหักหน้าหรือไปขวางทางใคร ผมก็รักตัวกลัวตายเหมือนกัน ผมไม่ได้คิดอยากดัง ถ้าอยากได้ดีด้วยอามิสก็คงเชียร์รัฐแบบสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ผมก็รักชาติเหมือนกัน กลัว ดร.สมคิดพาพวกเราไปตายเพราะหลับหูหลับตาบอกว่าเศรษฐกิจดี

ผมก็เพิ่งสำรวจความเห็นของผู้ค้าในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลเอ็มบาสซี สยามพารากอน และห้างเอ็มควอเทียร์ เมื่อ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นห้างสุดหรูเริดในสยามประเทศ ผลปรากฏว่าคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.8 จาก 10 เท่านั้น (https://bit.ly/2EtZdQc) คือต่ำกว่าระดับปานกลางที่ 5 (คะแนนจาก 1-9) นี่แสดงว่าขนาดห้างดังๆ หรูๆ ก็ยังประสบปัญหาในการขาย และสถานการณ์การขายไม่ได้ดีขึ้นจริง

แต่บางคนอาจแก้ว่า เดี๋ยวนี้เขาสั่งซื้อของออนไลน์ เศรษฐีก็ไปซื้อของแพงๆ ที่เมืองนอกโดยตรง อันนี้คงเป็นความเข้าใจผิด เพราะของที่ขายในห้างหรูเริดนี้ เขาไม่ได้เน้นขายออนไลน์ เศรษฐีนี่แหละที่มาจับจ่ายในห้างเหล่านี้ ยังได้คะแนนแค่นี้ แม้แต่ร้านอาหารก็ยังเหงาเลย ยิ่งถ้าเทียบกับห้างเทอร์มินอล 21 อโศก ซึ่งเกรดต่ำลงมาหน่อย สถานการณ์แย่กว่า 4 ห้างดังนี้อีก ยิ่งถ้าไปห้างในย่านชานเมือง หรือต่างจังหวัด สถานการณ์เสื่อมทรุดกว่านี้มาก

ทางราชการโหมโฆษณาว่านักท่องเที่ยวมากันมากมาย กระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีนักแล แต่แท้จริงแล้ว ผู้ค้าทั้งหลายรู้สึกว่านักท่องเที่ยวมามากกว่าเดิมบ้าง (ไม่ใช่มหาศาลดังว่า) แต่ไม่ได้ซื้อ กลุ่มนักท่องเที่ยวจีน มาเดินดูมากกว่า ส่วนนักท่องเที่ยวตะวันตกก็เป็นพวกที่มีกำลังซื้อจำกัด โดยเฉพาะกลุ่มสะพานเป้ ซึ่งก็ไม่ได้ซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าใด ๆ อยู่แล้ว

ผมมีเสียงสะท้อนจากคนรากหญ้าที่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยค่อนข้างเสื่อมทรุด ยิ่งในช่วง Low Season (พฤษภาคม - ตุลาคม) นี้ จะยิ่งแย่กว่าเดิม โดยรวมแล้วแย่กว่า 4 ปีก่อน เซลล์ขายห้องชุดก็บอกว่าการค้าสมัยนี้แย่กว่าสมัย 4 ปีก่อนอย่างชัดเจน ชาวบ้านบอกว่ายุคนี้ดีเฉพาะคนรวย แต่ชาวบ้านทั่วไปลำบากมาก

ผู้ค้าบริเวณวัดอรุณราชวราราม ท่าเตียนแถววัดโพธิ์ ท่าช้างแถวพระบรมมหาราชวัง และถนนข้าวสาร แหล่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุดในกรุงเทพ พบว่า นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจริง คือประมาณ 2.5% จากต้นปี 2560 แต่รายได้ลดลงเหลือ 97.2% (จาก 100%) ซึ่งแม้ไม่ได้ลดลงมาก แต่ไม่ได้เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจของชาติก็ดูตกต่ำลงจาก 100% เหลือ 96.7% เท่านั้น และที่สำคัญในปี 2562 คาดว่ายังจะลงต่อไปเหลือ 93.3% (https://goo.gl/qnscHx)

ผลการสำรวจที่คล้ายกันในย่านพัฒน์พงศ์ ปรากฏว่าส่วนมากประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลด-เศรษฐกิจตก สวนทางตัวเลขทางการ (http://bit.ly/2wzVgFL) และเมื่อเดือน พ.ค.2559 ดร.โสภณ ก็ได้ให้คณะไปสำรวจความเห็นของคนขับแท็กซี่ ทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง ต่างมองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง (http://bit.ly/1TgPQra) ทั้งนี้นักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่มาเป็นหมู่คณะไม่ได้มาใช้บริการแท็กซี่ แต่นักท่องเที่ยวชาติอื่นก็ลดน้อยลงเช่นกัน

อย่ากระดี๊กระด๊าว่าธนาคารโลกปรับเศรษฐกิจไทยดีขึ้นเป็น 4.1% แล้ว (https://bit.ly/2JyGJBQ) นี่มันเป็นการมองด้านเดียว โดยเน้นการส่งออก และที่สำคัญที่สุดก็คือ นี่เป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในอาเซียน ไทยได้อันดับ 8 ในอาเซียน โตเร็วกว่าเฉพาะสิงคโปร์และบรูไนที่เป็นประเทศที่มีรายได้ประชาชาติต่อหัวรวยกว่าไทยถึง 5-7 เท่าเข้าไปแล้ว ถ้าเขาเติบโตในอัตราต่ำกว่าไทย ก็ได้มากโขกว่าไทยมหาศาล อย่าลืมว่าในสมัยยิ่งลักษณ์ เศรษฐกิจไทยในปี 2555 ก็เคยเติบโต 7.2% มาแล้ว ตอนที่ยิ่งลักษณ์เข้ามาปี 2554 เศรษฐกิจตกเหลือแค่ 0.8% ด้วยซ้ำไป ดังนั้นในสมัย คสช.ที่เข้ามาตอนปี 2557 ณ อัตราเจริญเติบโตที่ถูกการเมืองลากถูกลงมาเหลือ 0.9% แล้วโตเป็น 4.1% โดยใช้เวลาถึง 4 ปี จึงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย

มาตรการอย่างหนึ่งที่เราพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจก็คือการให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือเช่า 99 ปี ซึ่งเป็นการคิดผิดๆ มาโดยตลอด

17-24 มกราคม: ผมเดินทางไปประชุม Pacific Rim Real Estate Society ณ นครโอ้กแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ ที่นั่นเศรษฐกิจเติบโตมาก ต่างชาติแห่กันไปซื้อบ้านจนเขากำหนดห้าม แต่ไทยจะ “ขายชาติ” ท่าเดียว

29 มกราคม - 9 กุมภาพันธ์: ผมไปสอนวิชาการประเมินค่าทรัพย์สินด้วยแบบจำลองทางสถิติที่กรุงคัมปาลา ประเทศยูกันดา ที่นั่นเศรษฐกิจก็กำลังโต แต่เขาไม่ให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์เลย

18-22 กุมภาพันธ์: ผมได้มีโอกาสไปร่วมท่องเที่ยวและประสานงานด้านธุรกิจ ณ ประเทศศรีลังกา ทุกวันนี้มหาอำนาจเช่นจีนและอินเดียต่างแผ่เข้ามาในศรีลังกา แต่ศรีลังกาก็ใจแข็ง ไม่ให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์เด็ดขาด

1-4 มีนาคม: ผมไปประชุมกับสมาคมนายหน้ามาเลเซีย ที่ว่ามาเลเซียให้ต่างชาติเช่าที่ 99 ปี ก็เป็นเรื่องเท็จ ต่างชาติซื้อบ้านที่มีค่าตั้งแต่ 2 ล้านริงกิตขึ้นไป (17 ล้านบาท) ที่สิงคโปร์ผู้ที่เช่าที่ดินได้ 99 ปีส่วนมากก็คือบริษัทมหาชนท้องถิ่น และเขาให้เช่าเป็นแปลงๆ ทั้งสองประเทศไม่ได้ให้ซื้อเปรอะไปหมดแบบประเทศไทย

17-23 มีนาคม 2561 ผมได้ไปสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ ณ กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล แม้จะยากจนข้นแค้น เขาก็ไม่อนุญาตให้ต่างชาติไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ใด ๆ เลย

24-25 มีนาคม: ผมไปประชุมสมาคมเครือข่ายอสังหาริมทรัพย์อาเซียนที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ทราบมาว่าที่นั่นเคยให้ต่างชาติเช่า 99 ปี เดี๋ยวนี้เหลือ 50 ปีสูงสุด ที่ลาวที่เคยให้เช่ายาวๆ ก็เหลือ 25-50 ปีแล้ว

30 มีนาคม - 1 เมษายน: ผมได้รับเชิญให้ไปบรรยายที่นครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ที่นั่นเขาก็ไม่เคยคิดให้ต่างชาติไปซื้อที่ดิน ยกเว้นห้องชุดซื้อซึ่งได้แค่ 40% แต่ก็มีเพียงหยิบมือเดียว

บอกความจริงให้คนไทยรู้ เพื่อทุกคนเตรียมตัวรัดเข็มขัด ดีกว่าหลอกลวงกันไปวันๆ นะครับ