ถอดรหัส “7 จริต การะเกด” บทเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนใจลูกค้า   

ถอดรหัส “7 จริต การะเกด”  บทเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนใจลูกค้า    

การใช้เสน่ห์หรือจริตภายในที่เป็นอินไซท์นั้น สามารถเปลี่ยนทัศนคติของคนได้ โดยใช้เทคนิคการโน้มน้าวใจที่เรียกกันว่า Ingratiation techniques

“ลูกเกลียดนาง ชังน้ำหน้ายิ่งกว่าอะไร มูลสัตว์แปดเปื้อนลูกก็ยังไม่รังเกียจเท่ากับเนื้อตัวของนางคนนี้ ลูกมิอาจตบแต่งกับนางคนนี้ได้เป็นอันขาดขอรับ” นี่คือคำพูดของ หมื่นสุนทรเทวา ใน Ep.1

แต่หลังจากนั้น.......“ถ้าแม่การะเกดของลูกมิกลับมา หรือนางฟื้นคืนแต่ไม่ใช่แม่นางการะเกดของลูก แต่เป็นแม่นางการะเกดคนเก่า ลูกก็จะขอบวชตลอดชีวิต มิขอมีคู่ครองตลอดไปขอรับ” (Ep.13)

ผ่านไปหลายเพลาท่านหมื่นเปลี่ยนใจได้ถึงเพียงนี้จากโกรธเกลียดจนถึงขั้นชวนมา #โล้สำเภา ตัวละครการะเกดในละครบุพเพสันนิวาสมีความสามารถมากในการสร้างเสน่ห์มัดใจชาย และยังเปลี่ยนใจคนรอบข้างให้มาหลงรักนางไปตามๆกัน ในมุมมองของละครที่ดูเหมือนว่าผู้เขียนสามารถจะขีดเขียนอย่างไรก็ได้ แต่ในชีวิตจริงที่พบเห็นก็คล้ายคลึงกันก็คล้ายกับละครที่ว่านี้ คนที่รักมากอาจกลายเป็นเกลียดมาก คนที่เคยเกลียดมากอาจกลายเป็นรักมากก็เป็นได้

การใช้เสน่ห์หรือจริตภายในที่เป็นอินไซท์นั้น สามารถเปลี่ยนทัศนคติของคนได้ โดยใช้เทคนิคการโน้มน้าวใจที่เรียกกันว่า Ingratiation techniques (อ่านว่า อิน-เกร-ติ-เอ-ชั่น ถ้าไม่ถนัดภาษาฝาหรั่ง ข้ามศัพท์นี้ไปเลยนะขอรับ) ทางการตลาดเชิงจิตวิทยา (Psychological marketing) ที่สรุปเอาง่ายว่าคือ “เทคนิคการทำให้ได้ใจ การเอาใจหรือเทคนิคการปรนเปรอ” เพื่อให้เป็นที่ชื่นชอบและสามารถจูงใจกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งจะว่าไปแม่นางการะเกดมีอยู่ในตัวพร้อมแทบทุกประการ ใครอยากสร้างจริตมัดใจชาย มัดใจหญิง หรือแม้กระทั่งมัดใจลูกค้า เจ้านายหรือลูกน้อง หรือบ่าวไพร่เพื่อสร้างเสน่ห์เองบ้างก็ลองทำได้

จริตที่หนึ่ง “สายลุย” อยากให้ใครรักจงแสดงพฤติกรรมให้รับทราบว่าเราเป็นพวกเดียวกันและจงปกป้องเขาเมื่ออยู่ในอันตราย (Protective Ingratiation) การกระทำหรือคำพูดที่ยืนยันและสนับสนุนอีกฝ่ายว่าเราเป็นพรรคพวกเดียวกันนั้นจะเปลี่ยนใจให้เขาหันมามองเรามากขึ้น ประมาณคนของข้าใครอย่าแตะ คนได้รับการปกป้องจะรักเรามากขึ้น

เทคนิคอันนี้ได้ผลชงัดนัก ขนาดอีปริกที่เกลียดการะเกดมากแค่ไหนเมื่อได้รับการปกป้องก็เปลี่ยนจาก “หน้ามือเป็นหลังมือตามที่คุณหญิงจำปาได้กล่าวไว้”

ออเจ้านายทั้งหลายจงฟังไว้ว่า เมื่อมีปัญหาต้องปกป้องลูกน้อง ไม่ใช่โยนขี้ไปที่ลูกน้องนั้นหาได้ไม่

จริตที่สอง “สายเปย์” การให้ของหรือของขวัญตามแต่โอกาสนั้น คนทั่วไปชอบคิดกันว่าเป็นธรรมเนียม แต่แท้จริงแล้วเป็นการทำเพื่อให้ผู้รับรู้สึกว่าเป็นคนมีค่าในสายตาของผู้ให้และต้องให้ผู้รับรู้สึกถึงความปรารถนาดีจากการได้ของ อันนี้รวมไปถึงการทำอาหารให้คนรักที่เรียกว่าเสน่ห์ปลายจวัก แต่ถ้าจะให้ได้ผลชงัดต้องรู้จักถึงอินไซท์ที่มีฐานข้อมูลว่าอีกฝ่ายชอบอะไรหรืออยากได้อะไรจริงๆ และถ้าเป็นการตลาดหนึ่งต่อหนึ่งที่มีชื่อของผู้รับ เฉพาะพิเศษสำหรับเธอคนเดียวก็จะเจ๋งสุดๆตามที่การะเกดบอกไว้ ดังนั้นของฝากจึงไม่ใช่เป็นแค่สมุดแต่เป็นสมุดที่มีเรื่องราวของท่านหมื่นที่ต้องการสื่อความเฉพาะนาง

ในทางธุรกิจการให้ของขวัญในช่วงเทศกาลต่างๆกับลูกค้าหรือในวันเกิด จึงไม่ควรที่จะให้แต่กระเช้าผลไม้หรือของโหลๆ การใช้กลยุทธ์การตลาดหนึ่งต่อหนึ่งจะทำให้ผู้รับรู้สึกดีและเปลี่ยนทัศนคติเป็นบวกได้ เป็นเทคนิคที่ป้าซุ่มทุ่มไม่อั้นใช้ได้ผลมาแล้ว การให้ของแบบนี้หลายคนบอกว่าไม่ถนัด มองเป็นเรื่องของการประจบประแจง อยากให้ลองตีความเสียใหม่ว่าถ้าของขวัญนั้นไม่ได้ให้เพราะอยากได้ผลตอบแทนกลับ แต่เป็นความปรารถนาดี ความระลึกถึงจริงๆ ดังนั้นอินไซท์ขณะเดินทางไปต่างประเทศ ถ้ากลับมามีของฝากแปลว่าฉันนึกถึงเธอในขณะที่ฉันอยู่ที่ต่างประเทศนะขอรับ

จริตที่สาม “สาย-เสมอ” ไม่ได้แปลว่าไปสาย แต่แปลงว่าโผล่หน้าไปเสมอ ความพยายามที่ปรากฏตัว ไปไหนด้วยทุกที่ ให้เห็นกันบ่อยๆ ประเภทเช้าถึงเย็นถึงทำอย่างต่อเนื่อง ไปรับส่งอย่างต่อเนื่องเมื่อใดที่ขาดหายไปจะทำให้รู้สึกถึงความสำคัญ (Ingratiation by self-presentation)

เทคนิคนี้คือ การตื้อเท่านั้นที่ครองโลกตามที่การะเกดได้แนะนำขุนเรืองให้ใช้กับแม่นางจันทร์วาด แต่การพบปะอย่างต่อเนื่องต้องพูดเรื่องราวทั่วไปไปก่อนในครั้งแรกจนอีกฝ่ายตายใจจึงจะเข้าเรื่องได้ การรวบรัดเร็วเกินไปจะถูกถามว่า “เหตุใดออเจ้าจึงต้องยื่นจมูกเข้ามาในเรื่องที่มิใช่ของออเจ้า” ซึ่งแปลได้ความในปีพศ.นี้ว่า “เผือก”

จริตที่สี่ “สายอวย” ความเป็นคนช่างชมเชย ช่างสังเกตการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่ายและเอ่ยคำชมด้านบวกเมื่อเจอกัน (Ingratiation by complimentary other-enhancement) การกล่าวคำชมจากใจจริงจะได้ผลในการเปลี่ยนทัศนคติทางบวกไม่น้อย ถ้าลองได้กล่าวว่าคุณพี่ขาวขึ้นนะเจ้าคะ ก็จะได้คำตอบว่า ออเจ้านี้ช่างดูอวบอิ่ม

จริตที่ห้า “สายฮา” เสน่ห์ของอารมณ์ที่ทำคนคนต้องมนต์ได้คือความสนุกสนาน อารมณ์ขัน เพราะทำให้คนที่อยู่ด้วยมีความสุข การใส่อารมณ์ขันมีความสนุกสนานจะทำให้ไม่น่าเบื่ออยากอยู่ด้วยตลอดและชอบมากขึ้น ความขำขันเกิดจากทั้งท่าทีสนุกสนานของการเชียร์เรือหรือแม้เป็นคำพูดของนางที่ว่า ถ้าได้ขุนเรืองมาครอง คุ้มสุดๆ เสน่ห์แบบนี้ในสมัยนี้คงบอกว่า สวยมักนกตลกมักได้ (Expression of humor)

จริตที่หก “สายอ้อน” การแสดงออกว่าเธอเป็นคนสำคัญ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ (Ingratiation by instrumental dependency) คำพูดหรือการแสดงออกถึงการพึ่งพาทางจิตใจว่าชีวิตที่มีหรือไม่มีแตกต่างอย่างไร แม่นางคงเคลิ้มไม่น้อยเมื่อท่านขุนกล่าวว่า “หาไม่คงจะแน่นอก จนทำให้เจ้าของหัวอกนั้นมีชีวิตอยู่ต่อไปมิได้”

ในทางธุรกิจการชมเชยว่าหากไม่มีลูกค้าหรือคนให้ความสนับสนุนคงอยู่ไม่ได้และเติบโตมาขนาดนี้

จริตที่เจ็ด “สายคูล” เสน่ห์สำคัญที่ทำให้หลายคนหลงใหลคือความมีปัญญา เท่ คูลและฉลาดในการสรรสร้างสิ่งของใหม่ๆ ทั้งเครื่องกรองน้ำ กระทะ อาหารหรือความคิดสร้างสรรในการแก้ปัญหาเป็นเสน่ห์สำคัญมากที่สุดในการมัดใจผู้คนและเปลี่ยนทัศนคติอีกฝ่ายได้อย่างอยู่หมัด

ด้วยจริตทั้งเจ็ดของแม่นางการะเกดจึงกลายเป็นมนต์เสน่ห์ที่รุนแรงมากกว่ามนต์กฤษณะกาลีที่มัดใจไม่เพียงแต่หมื่นสุนทรเทวาและบ่าวไพร่ แต่รวมไปถึงเราท่านที่ดูละครเองก็ต่างหลงเสน่ห์จากจริตของแม่นาง ฟังเสน่ห์ทั้งเจ็ดของนางทั้ง “สายลุย สายเปย์ สาย-เสมอ สายอวย สายฮา สายอ้อน และสายคูล” แล้วลองเช็คดูว่าออเจ้ามีจริตสายไหนบ้าง แล้วลองเพิ่มปรับให้พอดีเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้ดูดัดจริต แล้วลองไปใช้กับกับลูกค้า กับเจ้านาย กับลูกน้อง กับผู้คนต่างๆ ที่สำคัญลองโปรยเสน่ห์แบบนี้กับคนที่เจ้าหมายปอง

 ได้เจ็ดสายเพิ่มการชม้อยชม้ายชายตา สายตาอีกนิด จะทำให้ออเจ้าทั้งหลายได้ สายโซ่เอาไป “โล้สำเภา” ได้เป็นแน่แท้