ความหมาย... ของการปลด อ.สมชัย
การใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่ง อ.สมชัย ศรีสุทธิยากร ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีนัยมากกว่าการใช้อำนาจพิเศษ "ปลด"
หรือ "เด้ง" หรือระงับการปฏิบัติหน้าที่ของ "คนเพียงคนเดียว" (ซึ่งแค่เหตุผลนี้ก็ดูแย่อยู่แล้ว)
แต่การใช้อำนาจพิเศษหนนี้ หมายความถึงการแทรกแซง "องค์กรอิสระ" ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น "องค์กรอิสระ" เมื่อถูกอำนาจการเมืองแทรกแซงได้ย่อมไม่มีสถานะเป็น "องค์กรอิสระ" อีกต่อไป
ซ้ำร้าย "องค์กรอิสระ" ที่ว่านี้ยังเป็น "คณะกรรมการการเลือกตั้ง" ซึ่งก็คือองค์กรที่ทำหน้าที่ "จัดการเลือกตั้ง" ให้ "บริสุทธิ์ ยุติธรรม" สาเหตุที่รัฐธรรมนูญตั้งแต่ฉบับปี 40 เป็นต้นมา ยกสถานะให้ กกต.เป็นองค์กรอิสระ และให้มีอำนาจจัดการเลือกตั้งแทน "กระทรวงมหาดไทย" ก็เพื่อให้มีสถานะที่ฝ่ายการเมืองครอบงำสั่งการไม่ได้
ขณะที่รัฐบาล คสช.ประกาศเองว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ไม่เกินเดือน ก.พ.ปีหน้า และมีแนวโน้มสูงที่ต้องใช้บริการ กกต.ชุด อ.สมชัย จัดการเลือกตั้งไปพลางก่อน เนื่องจาก กกต.ชุดใหม่ยังสรรหาไม่เรียบร้อย ฉะนั้นการที่ คสช.มีอำนาจสั่ง"เลื่อน-ลด-ปลด-ย้าย" คนระดับกรรมการการเลือกตั้งได้ แล้วจะมีอะไรรับรองได้ว่า การเลือกตั้งจะบริสุทธิ์ ยุติธรรมอย่างแท้จริง
เพราะต้องไม่ลืมว่า คสช.มีแนวโน้ม "สืบทอดอำนาจ" ทั้งผ่านการจัดตั้งพรรคการเมืองนอมินี และการใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญเพื่อชิงตำแหน่ง "นายกฯคนนอก" ฉะนั้น คสช.จึงเป็นหนึ่งใน "ผู้เล่น" ในสมรภูมิเลือกตั้งหนหน้านี้ แต่ขณะเดียวกัน คสช.ก็มีอำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่หลังเลือกตั้ง ซึ่งเป็นอำนาจพิเศษที่แทรกแซง "องค์กรอิสระ" ที่ทำหน้าที่ "จัดการเลือกตั้ง" ได้เสียอีก
และนี่เองที่ทำให้การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปลด อ.สมชัย ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่แค่ในเมืองไทย แต่ยังมีสื่อต่างประเทศอีกหลายสำนักรายงานเป็นข่าวใหญ่เช่นกัน อาทิ วอลล์สตรีท เจอร์นัล เพราะนี่คือสัญญาณร้ายที่ชี้อนาคตการเมืองไทยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในอีกไม่นานนี้!