นาฬิกา แวนโก๊ะ กับโถทองคำ

นาฬิกา แวนโก๊ะ กับโถทองคำ

นาฬิกา แวนโก๊ะ กับโถทองคำ

ข่าวนาฬิกาหรู 25 เรือน เริ่มจางหายไปตามกาลเวลา แต่วันนี้ผมมีเรื่องราวที่น่าสนใจของผู้นำประเทศอีกคนหนึ่งที่ ขอยืม ของแพง มาใช้เหมือนกัน

คนนี้ไม่ธรรมดา เขาชื่อว่า โดนัล ทรัมพ์ และของล้ำค่าที่ขอยืมก็คือ ภาพเขียนของ วินเซ้นต์ แวนโก๊ะ จิตรกรก้องโลก เพื่อนำมาประดับที่บ้าน ซึ่งมีชื่อว่า ไว้ท์เฮ้าส์

เจ้าหน้าที่ของไวท์เฮ้าส์ ได้ทำเรื่องขอยืมภาพเขียนชื่อว่า “Landscape with Snow” จากพิพิธภัณฑ์ Guggenheim ซึ่งตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ค แต่แทนที่จะได้ภาพเขียนของแวนโก๊ะมาประดับ พวกเขากลับได้รับอีเมล์แจ้งว่า ไม่สามารถให้ยืมภาพเขียนนั้นได้

แต่มีข้อเสนอว่า จะส่งโถทองคำมาให้ยืมแทน

มันเป็นโถทองคำแท้ 18 กะรัต ส่งประกายวาววับ  และเคยตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ตั้งแต่ปี 2016 ตอนนี้นิทรรศการดังกล่าวได้เสร็จสิ้นลงแล้ว จึงยินดีส่งให้ท่านประธานาธิบดียืมใช้ระยะยาว

แต่ท่านทราบไหม โถที่ว่านี้ ไม่ใช่โถธรรมดา มันเป็นโถชักโครกที่ตั้งอยู่ในห้องน้ำสาธารณะของพิพิธภัณฑ์แห่งนั้น และประชาชนเคยเข้าคิวกันใช้งานจริงมาแล้ว นับแสนคน....ก็แปลว่า ทรัมพ์ และเมลาเนีย จะไม่ได้ภาพเขียนของแวนโก๊ะ มาประดับบ้าน แต่จะได้โถชักโครกทองคำที่ประชาชนใช้แล้ว มาใช้ทุกเช้า

เรื่องนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อปลายเดือนมกราคม 2018 นี้เอง เมื่อ Nancy Spector ภัณฑารักษ์ ของพิพิธิภัณฑ์แห่งนี้ ได้ส่งอีเมล์ปฏิเสธไปยังไวท์เฮ้าส์ และเสนอให้ยืมโถชักโครกทองคำ เป็นการทดแทน

ผมไม่ทราบว่าในฐานะภัณฑารักษ์ เธอมีสิทธิตัดสินใจให้ยืมหรือไม่ให้ยืมได้ด้วยตัวเองหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นตัวเธอเอง หรือ บอร์ดอนุมัติก็ตาม ผมรู้สึกว่าการเสนอโถชักโครกใช้แล้ว ให้แก่ประธานาธิบดี น่าจะมีนัยอะไรบางอย่าง

เพราะระหว่างภาพเขียนของแวนโก๊ะ กับโถชักโครกที่ใช้แล้ว แม้มันจะทำด้วยทองคำและมีมูลค่าประมาณ 2 ล้านดอลล่าร์ก็ตาม เหตุใดเธอจึงกล้าเสนอโถชักโครกให้ครอบครัวท่านประธานาธิบดี

แต่พอค้นหาข้อมูล มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นเสียทีเดียว เพราะโถนี้ก็เป็นผลงานศิลปะ ออกแบบและรังสรรค์ขึ้นโดย Maurizio Cattelan และตั้งชื่อไว้อย่างสวยหรูว่า “America” ว่ากันว่าเป็นงานศิลปะที่สะท้อนความร่ำรวยและความฟุ่มเฟือยของคนอเมริกัน

Cattelan ยินดีให้พิพิธภัณฑ์ นำผลงานชิ้นนี้ไปแสดง และให้ประชาชนได้ใช้งานจริง เพื่อจะบอกว่าของหรูๆอย่างนี้ ประชาชนธรรมดาก็เข้าถึงได้นะ คนก็เลยเข้าคิวกันยาวมาก แบบว่าเกิดมาชาติหนึ่ง ขอปลดทุกข์แบบหรูสุดๆ สักครั้งหนึ่งเถอะ

หน้าห้องน้ำ มีเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ตลอดเวลา ทุกๆ 15 นาที มีพนักงานทำความสะอาด เข้าไปดูแล น่าเสียดายที่งานแสดงได้สิ้นสุดไปแล้ว ไม่เช่นนั้นผมจะชักชวนคุณผู้อ่าน ไปลองใช้งานกันสักคนละครั้ง

นอกจากเสนอให้ยืมแล้ว Nancy ยังแจ้งไว้ท์เฮ้าส์ว่า พิพิธภัณฑ์พร้อมจะดูแลเรื่องการโยกย้ายไปติดตั้งให้ที่ไวท์เฮ้าส์ ให้เรียบร้อยอีกด้วย เธอช่างน่ารักอะไรขนาดนั้น

เราคนไทยส่วนใหญ่ คงอดคิดไม่ได้ว่า นี่เป็นการแสดงความไม่เคารพอย่างยิ่งหรือเปล่า ส่วนคนอเมริกัน ซึ่งมีวัฒนธรรมที่แตกต่างและอาจไม่ค่อยถือสาเรื่องทำนองนี้ เขาจะคิดอย่างไร ผมก็ไม่ทราบ แต่ก็มีกระแสข่าวตามมาพอสมควร

พิธีกรของฟ็อกซ์คนหนึ่ง ออกมาบอกว่าการทำอย่างนี้ เป็นการไม่แสดงความเคารพ  และ Nancy ควรจะลาออกจากงานไปเสีย ซึ่งก็มีผู้แสดงความเห็นด้วย เพราะบางคนไปสอบประวัติ และพบว่าเธอเป็นคนที่ต่อต้านทรัมพ์ มานานแล้ว

6 สัปดาห์ผ่านไป ไว้ท์เฮ้าส์ก็ไม่ตอบรับข้อเสนอนี้ แหล่งข่าวอารมณ์ขันบอกว่า คนที่ผิดหวังก็คือ ประชาชนนับแสนคน ที่เคยไปเข้าคิวใช้โถชักโครกนี้มาแล้ว เพราะพวกเขาก็เลยหมดโอกาสที่จะคุยโวว่า ข้าเคยฉี่โถเดียวกับทรัมพ์มาแล้วนะ

แล้วทำไมไว้ท์เฮ้าส์ และทรัมพ์ จึงไปขอยืมภาพเขียนระดับโลกชิ้นนี้ ซึ่งทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบเปล่าๆ

ตรงนี้ จะตำหนิทรัมพ์ ก็คงไม่ได้ เพราะการขอยืมของมีค่า มาประดับห้องทำงานหรือห้องของครอบครัวที่ไว้ท์เฮ้าส์ ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น เป็นประเพณีปฏิบัติทั่วไป ที่สืบทอดกันมานาน

ครอบครัวเคนเนดี้ ก็เคยขอยืมภาพเขียนของ Eugene Delacrroix ชื่อ “The Smoker” มาจากพิพิธภัณฑ์สมิทโซเนี่ยน และครอบครัวโอบามา ก็เคยขอยืมภาพนามธรรม ผลงานของ Mark Rothko และ Jasper Johns ไปประดับบ้านไวท์เฮ้าส์ เช่นกัน

ดังนั้น การขอยืมภาพเขียนของแวนโก๊ะ มาประดับไว้ท์เฮ้าส์ของคุณทรัมพ์ และ เมลานี่ จึงไม่ได้เป็นอะไรที่ผิด แค่ปฎิบัติตามประเพณีเท่านั้นเอง เมื่อพ้นตำแหน่ง ก็ส่งกลับคืน ถ้าพิพิธภัณฑ์ให้ยืมตามที่ขอ ก็คงเป็นเพียงข่าวธรรมดาๆ แต่พอไม่ให้ยืม แล้วกลับเสนอให้ยืมโถชักโครกที่ใช้แล้ว มันเลยเป็นข่าวที่สนใจกันในวงกว้าง

ประเทศไทยเรา ช่วงหลังๆนี้ ก็มีข่าวของคนระดับผู้นำ ขอยืมของมาใช้กันอยู่บ่อยครั้ง ก็แบบ 25 เรือนบ้าง 300 ล้านบ้าง ฯลฯ  ซึ่งทำให้คนไทยส่วนใหญ่ตกอกตกใจกันพอสมควร เพราะสังคมเพิ่งทราบว่าผู้นำของเรา มีการขอยืมอะไรกันแบบนี้ และคนไทยส่วนใหญ่ยังทำใจรับความจริงอย่างนี้ ไม่ค่อยได้นัก

พวกที่พอทำใจได้ คงเป็นพวกที่ต้องปลอบตัวเองเยอะหน่อย คือปลอบแล้วปลอบอีกว่า น่าจะเป็นเพราะเราจ่ายภาษีน้อยเกินไปกระมัง เลยทำให้ผู้ที่ต้องรับผิดชอบดูแลบ้านเมืองแทนเรา เขาได้รับค่าเหนื่อยน้อยไป ต้องอยู่อย่างลำบาก และมีผลต่อฐานะของท่าน....ถึงขนาดนี้

ส่วนคนอเมริกัน หรือรัฐบาลอเมริกัน ถ้าพวกเขาทราบเรื่อง 25 เรือน หรือ 300 ล้าน คิดว่าเขาคงรู้สึกเฉยๆ และไม่ตื่นเต้นอะไร เพราะว่าจริงๆแล้วประเทศไทยก็ไม่ได้ริเริ่มประเพณี ที่ชนชั้นผู้นำจะต้องไปขอยืมของผู้อื่นมาใช้ แบบนี้

อเมริกานั่นแหละ เริ่มมาก่อนเราเสียอีก....เห็นกันจะๆ