จับตลาดพ่อแม่ยุคใหม่ ไปกับการสร้าง Engagement

จับตลาดพ่อแม่ยุคใหม่ ไปกับการสร้าง Engagement

จากผลการวิจัยของนักศึกษาสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า สำหรับพ่อแม่ในยุค 4.0

จะให้ความสำคัญกับการเลี้ยงลูกที่ไม่เข้มงวดมากเกินไปให้อิสระเด็ก และสร้างโอกาสให้ลูกเกิดประสบการณ์ตามความเหมาะสมกับวัย 

โดยพัฒนาของลูกด้านวิชาการ พ่อแม่ยุคใหม่ มองว่า ศิลปะจะช่วยส่งเสริมทักษะและความสามารถของลูกให้มองเห็นวิธีการใหม่และแตกต่างออกไปจากเดิมในการแก้ปัญหาในยุคที่ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับยุค IoT (Internet Of  things) นี้

ธเนศ เอื้ออภิธร ผู้ก่อตั้งสถาบันกวดวิชาภาษาอังกฤษ Enconcept และบริษัทในเครือ Learn Balance ได้นำหลักสูตร Global Art จากประเทศมาเลเซียเข้ามาเปิดในไทย ซึ่งหลักสูตรของ Global Art เน้นการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ผ่านกระบวนการเรียนศิลปะอย่างเป็นขั้นตอน ตามพัฒนาการเด็กในแต่ละวัย สร้างบทเรียนที่กระตุ้นจินตนาการของเด็ก และเสริมสร้างสมาธิ

จุดเด่นของ Global Art อยู่ที่การออกแบบหลักสูตรโดยจะมีการวัดระดับทักษะในด้านต่างๆ (Placement Test) เพื่อเริ่มเรียนในระดับที่เหมาะสมกับตนเอง หลักสูตรของ Global Art แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ Visual Arts Programme ซึ่งเป็นกลุ่มหลักสูตรหลักเน้นการเตรียมความพร้อมด้านการเข้าสังคมด้วยความมั่นใจ และเตรียมความพร้อมของกล้ามเนื้อมือ สร้างพื้นฐานทางศิลปะควบคู่ไปกับการปูพื้นฐานการคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผลรวมถึงกระตุ้นให้เกิดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบโดยผ่านกิจกรรมด้านศิลปะ กับ Additional Programme ซึ่งเป็นกลุ่มหลักสูตรเสริม

สำหรับการเข้าถึงพ่อแม่ยุคใหม่ การสร้าง Engagement ถึงเป็นกลยุทธ์สำคัญแม้จะมีการทำการตลาดทั้ง Offline และ Online แต่กับพ่อแม่ยุคใหม่ Global Art ให้ความสำคัญ On line โดยเฉพาะกับการสร้าง Contents ที่มี Engagement เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความมั่นใจกับสถาบัน

ด้านการทำ SEO กับ Google พบว่าเป็นส่วนหลักในการทำให้พ่อแม่ยุค IoT รู้จักกับ Global Art ดังนั้นจึงเป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง เพื่อเพิ่มโอกาสในการเห็นสื่อของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการปรับปรุงเว็บไซท์ให้เป็นเว็บระบบ Responsive เพื่อให้มีการแสดงผลในโทรศัพท์มือถือหรือแทบเล็ตที่อ่านง่ายขึ้น

สำหรับ Facebook นั้น Global Art ใช้ Facebook Ads Manager มาเป็นตัวช่วยเพราะสามารถกำหนดพื้นที่ ระบุเป้าหมายได้ชัดเจนกว่าการโพสต์ Contents แบบธรรมดา และ Ads Manager มีเมนูในการวิเคราะห์ข้อมูล และผลตอบรับรองลงมาคือการใช้ Line Official (Line@) โดย Contents หลักในการนำเสนอจะอยู่ที่ Facebook ส่วน Line Official จะเป็นการโพสต์เนื้อหาเชื่อมต่อไปยัง Facebook ทั้งนี้ เนื้อหาที่นำเสนอจะมีทั้งเนื้อหาด้านศิลปะกับเนื้อหาในการเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์

สำหรับกลยุทธ์การสร้าง Online Contents เพื่อให้เกิด Engagement กับพ่อแม่ Global Art ใช้กลยุทธ์การแบ่ง แบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 ส่วนคือ 1. ส่วน Awareness เช่น โฆษณาคอร์สเรียน โปรโมชั่น 2.ส่วน Engagement จะเป็นการสอนเทคนิคการวาดรูป เช่น เทคนิคการวาดรูป 4 Steps เทคนิคการใช้สีไม้ สีเทียน ให้เหมาะสมกับช่วงอายุของเด็กเป็นต้น ส่วนใหญ่ Contents มักจะเป็นบทความ ภาพนิ่ง และวิดีโอซึ่งContent ส่วนนี้เป็นส่วนที่ได้รับความนิยมจากพ่อแม่ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้น การจัดกิจกรรม BTL ยังถือเป็นอีกส่วนในการสร้าง Engagement ที่สำคัญ โดย Global Art มีการจัดกิจกรรมและแคมเปญต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง นอกจากจะทำให้เด็กได้รับประสบการณ์ใหม่นอกเหนือจากกิจกรรมตามหลักสูตรแล้ว ก็ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสถาบันกับพ่อแม่ ผู้ปกครองอีกด้วย โดยกิจกรรมที่ได้ความนิยมนั้นมีหลายกิจกรรม เช่น ทัศนศึกษาต่างสถานที่ กิจกรรมวันแม่ วันเด็ก หรือจะเป็นเหตุการณ์ต่างๆ เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวเนปาล ก็มีให้เด็กๆ ได้วาดภาพถ่ายทอดความรู้สึกผ่านงานศิลปะของเด็กเอง

ในการทำกิจกรรมหรือแคมเปญต่างๆ เหล่านี้ Global Art ก็ใช้เครื่องมือจาก Facebook มาเป็นสื่อในการช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้นอีกด้วย แล้วก็สามารถช่วยในการ Register และนำผลการตอบรับมาช่วยในการสรุปผลและเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักเรียน และพ่อแม่ Global Art ได้พัฒนา Application สำหรับการจัดทำประวัติการลงทะเบียนเรียน และสิทธิพิเศษในการแลกของรางวัลต่างๆ เพื่อให้เกิด Engagement กับพ่อแม่ด้วย

นอกจากนั้น สำหรับการมัดใจพ่อแม่ยุค IoT ซึ่งการมี Social media ทำให้การคนไม่รู้จัก สามารถกลายมาเป็นเพื่อน กลายเป็น Community ที่พ่อแม่ยินดีรวมกลุ่มเพื่อแลกเป็นความคิดเห็น แบ่งปันประสบการณ์กัน Global Art จึงเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มพ่อแม่ผ่านทาง Sponsorship program เพื่อเป็นทั้งการสร้างและการEnhance engagement ให้มากขึ้นอีกด้วย

กรณีศึกษา Global Art สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของการเข้าใจและเข้าถึงกลุ่มพ่อแม่ในยุค IoTที่การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิต นั้นมาเป็นสิ่งในการสร้าง Content และการจัด campaign ให้เกิดการ Engage กับธุรกิจ นอกจาก Online content แล้ว Offline เองก็ยังเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ช่วยสนับสนุนเกิดการ Engage ได้มากขึ้นอีก

---------------

เครดิตกรณีศึกษาโดย เอกวิชญ์ นราวุฒิกุล นักศึกษาปริญญาโทสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล