ภาวะผู้นำปี 2018

ภาวะผู้นำปี 2018

ปีจอหรือปีน้องหมาตามนักษัตรเชื่อว่าคนเกิดปีนี้ซื่อสัตย์ค่ะ และความซื่อสัตย์ก็ถือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำยุคนี้

แต่ก็หายากเหลือเกิน ความที่ความโลภ โกรธ หลงมันครอบงำจิตใจเสียจนความซื่อสัตย์ยากที่จะโผล่หน้าออกมาจากเงาดำได้ แต่ขอให้เชื่อคำของคนโบราณท่านเถิดนะคะว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” สังคมไทยและสังคมโลกต้องการคนที่มีกำลังใจเข้มแข็งในการมุ่งมั่นสร้างความดีโดยไม่ย่อท้อ ตามมาคุยกันต่อเลยนะคะว่าปีนี้เขามองว่าผู้นำควรมีทักษะอะไรบ้างจึงจะบริหารงานและบริหารคนได้ฉลุยอย่างยั่งยืน

จากข้อมูลที่รวบรวมสรุปมาจากบทความต่างๆที่ลงพิมพ์ในนิตยสารฟอร์บส์และวารสารฮาร์วาร์ด บิสสิเนสรีวิว ที่ทรงอิทธิพลในวงการธุรกิจชี้ให้เห็นว่าทักษะสำคัญที่ผู้นำยุคดิจิตัลพึงมี มีอยู่หลายประการด้วยกัน

เป็นผู้นำที่เก่งการสื่อสารและฉลาดเรื่องสื่อ (Media savvy)  เรื่องการสื่อสารยังเป็นทักษะที่ครองตำแหน่งแชมป์อันดับหนึ่งสำหรับหลายสำนัก สำหรับโลกยุคดิจิตัลที่ผู้คนเป็นพันๆล้านสื่อสารกันผ่านโซเชียล มีเดีย ทำให้ประชากรโลกหูตากว้างไกล อะไรเกิดขึ้นที่ในมุมหนึ่งมุมใดของโลก ภายในเวลาไม่กี่นาทีทั่วโลกก็ได้รับรู้ไปด้วย ผู้นำต้องพร้อมที่จะสื่อสารกับคนทั้งหลายทั้งในลักษณะที่พบกันตัวต่อตัว หรือผ่านโซเชียลมี เดีย โซเชียล มีเดียถือเป็นเครื่องมือสื่อสารและเป็นเครื่องมือการทำธุรกิจที่มีความเร็วสูงและมีผลกระทบแรง เมื่อมีคุณอนันต์ก็มีโทษมหันต์ได้เช่นกัน เพราะเป็นช่องทางสื่อสารที่มีการบิดเบือนสร้างข่าวลือข่าวเท็จมากที่สุด ผู้นำในปีจอต้องมีทักษะการสื่อสารทั้งพูด อ่าน เขียน ฟังที่มีประสิทธิภาพ ต้องสื่อสารเพื่อชี้แจงแสดงวิสัยทัศน์  ต้องกำหนดเป้าหมายในการทำงาน  ต้องจูงใจลูกน้องและทีมงาน  ต้องจูงใจลูกค้า ต้องเจรจาต่อรองติดต่อธุรกิจกับคู่ค้า ฯลฯ ตราบใดที่มีการประกอบธุรกรรมธุรกิจ นั่นย่อมหมายความว่าการสื่อสารย่อมเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารผ่านช่องทางใดๆก็ตามผู้นำต้องเป็นคนที่เก่งในเรื่องสื่อ ฉลาดในเรื่องสื่อ (Media savvy) ต้องรู้ว่าควรใช้สื่ออะไร ผ่านช่องทางไหน  เมื่อไร กับใคร จึงจะเหมาะสมเกิดผลลัพธ์สูงสุด ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการสื่อสารเพื่อจูงใจผู้บริหารวัย Baby Boomers อาจเลือกใช้วิธีเข้าไปพูดคุยตัวต่อตัวแบบเห็นหน้าเห็นตากัน แต่กับคนวัย Gen Y อาจเลือกใช้โซเชียล มีเดีย เป็นต้น

เก่งเรื่องโซเชียล มีเดียกับการสร้างแบรนด์ ขอแยกเรื่องโซเชียล มีเดียมาคุยต่างหากจากประเด็นที่แล้ว เพราะอยากจะเชื่อมโยงเรื่องนี้กับการสร้างและการรักษาแบรนด์ เนื่องจากกระแสโซเชียล มีเดียมาแรงและยังจะแรงต่อไปอีกในฐานะเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงอำนาจ  นักการตลาด นักลงทุน นักวร้างนวัตกรรมตลอดจนนักอะไรต่อมิอะไรมากมายจึงหันมาใช้โซเชียล มีเดียในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการขาย ติดต่อหาคู่ค้า หาผู้ลงทุนกันทางออนไลน์กันทั่วโลก เพราะมันถูก เร็ว ได้ผลกระทบวงกว้างทั่วโลก ไม่เฉพาะในวงการค้าและธุรกิจ สำหรับผู้นำทางการเมืองก็เช่นกัน หากผู้นำไม่รู้จักใช้โซเชียล มีเดียมาช่วยสร้างแบรนด์ของตนเอง แบรนด์ของสินค้า ตลอดจนแบรนด์ขององค์กรแล้ว ถือว่าเป็นบุคคลที่หลุดโลกตกยุคอย่างกู่ไม่กลับเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามองค์กรในบ้านเราเมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียอย่างเช่นจีน และอินเดีย ต้องยอมรับว่าองค์กรธุรกิจของเรานำเรื่องเทคโนโลยีสื่อสารมาช่วยส่งเสริมและขยายธุรกิจล้าหลังกว่าเขา เราเก่งนำหน้าแต่เรื่องเซลฟี่  โพสต์รูปภาพเพื่อความเพลิดเพลินส่วนตัวเสียมากกว่า ปีใหม่นี้ขอจงรีบปรับกระบวนท่านำทักษะด้านโซเชียล มีเดียมาช่วยเรื่องการศึกษา การหาความรู้และการทำมาหากิน น่าจะดีกว่านะคะ โดยเฉพาะคนที่อยากทำสตาร์ทอัพ โซเชียล มีเดียจะช่วยเร่งกระบวนการมากเลยในทุกๆขั้นตอน ตั้งแต่การหาเงินทุน การหาแนวความคิดใหม่ การเปิดตัวธุรกิจ การเปิดตลาด การขายสินค้า เป็นต้น

 มีความยืดหยุ่น (Resilient) อีกเช่นเคยที่ทักษะตัวนี้ยังมาแรงและจะแรงขึ้นเรื่อยๆไม่มีวันหลุดโผแน่ตราบใดที่โลกเราเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเช่นนี้ ยิ่งสังคมโลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นมากขึ้นเท่าใด หมายความว่าคนที่อยู่รอดและอยู่อย่างดีก็คือคนที่จับกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ไว และสามารถปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ที่ผันแปรไปได้เรื่อยๆ ฟังดูเหมือนง่ายๆ แต่เมื่อคิดให้ลึก คนที่มีความสามารถในการปรับตัวได้รวดเร็วคือคนที่มีความพร้อมในหลายๆด้าน พร้อมตั้งแต่สภาพร่างกาย จิตใจ ความรู้และประสบการณ์ ให้ลองนึกถึงนักยิมนาสติกสิคะ กว่าพวกเขาจะสามารถห้อยโหนดัดตัวตนทำท่าพิสดารต่างๆมากมายให้เราได้ชม พวกเขาต้องใช้เวลาเป็นปีๆฝึกหัดดัดร่างกาย สร้างความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อทุกๆวัน ความยืดหยุ่นของผู้นำธุรกิจคือการดูแลร่างกายให้แข็งแรงมีพลานามัยดี ทำงานหนักได้ ไม่ใช่โดนฝนหน่อยเป็นหวัด ร้อนหน่อยพาลจะเป็นลม ส่วนเรื่องของอารมณ์จิตใจก็ต้องฝึกให้รับความผิดหวัง ความเสียใจได้โดยไม่เสียความมั่นใจในตนเอง ไม่ขาดสติ ในส่วนของความรู้ก็ต้องมีการแสวงหาความรู้ใหม่ๆเพื่อที่จะเข้าใจความเป็นไปและความเปลี่ยนแปลงของตลาด ของเทคโนโลยี และสามารถปรับกลยุทธ์ในการบริหารงานได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่ย่อท้อ ไม่จิตตก

เป็นนักผูกใจคน (Engagement) ทั้งลูกน้องและลูกค้า สมัยเมื่อยี่สิบปีก่อนผู้บริหารมักไม่ค่อยใส่ใจกับการผูกใจลูกน้องเท่ากับการเอาใจลูกค้า ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า “Customer is king.” ที่แปลว่าลูกค้าคือพระราชาที่พนักงานทุกคนในองค์กรต้องคอยเอาอกเอาใจ ถึงลูกค้าผิด ลูกน้องก็ได้รับการสั่งสอนมาว่าห้ามวิจารณ์ต่อว่าลูกค้าให้เสียอารมณ์ เพราะเดี๋ยวลูกค้าจะไม่มาอุดหนุนอีก แต่เดี๋ยวนี้นายจ้างไม่สามารถเอาใจแต่ลูกค้าได้แล้วเพราะว่าตลาดแรงงานทั่วโลกได้ขาดแคลนคนดีคนเก่งมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ถ้าไม่เอาใจลูกน้องดีๆ ลูกน้องจะหนีหายหมด เกิดเป็นผู้นำยุคขาดแคลนแรงงานต้องทำงานหนักเป็นสองเท่า ต้องเอาใจทั้งลูกน้องและลูกค้า และจะเอาใจแบบไม่มีศิลปะกลยุทธ์ก็ไม่ได้นะคะ ใช่ว่ามีเงินก็จะใช้เงินทุ่มอย่างเดียว ลูกน้องก็ไม่อยู่ ต้องศึกษาวิเคราะห์ความต้องการของพนักงานต่างวัยให้เข้าใจถ่องแท้ แล้วจึงออกแบบแผนและแพ็คเกจในการจูงใจพนักงานทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้ครบเครื่องทั้งเรื่องผลตอบแทน การดูงานฝึกอบรม ตำแหน่งหน้าที่ การพัฒนาทางสายอาชีพ การสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำงานให้สนุกสนานเร้าใจ สารพัดแม่ไม้ที่ต้องนำมาใช้บริหารลูกค้าและลูกน้องให้ผูกพันรักใคร่องค์กร อ้อ...เอาใจลูกน้องและลูกค้าแล้วจงอย่าลืมเอาใจคนในครอบครัวที่บ้านด้วยนะคะ ไม่ยังงั้นครอบครัวจะมีปัญหา อยากเป็นผู้นำก็จงก้มหน้าทำไปเถิด จะเกิดผลค่ะ ที่พูดนี่เห็นใจนะคะ 

มึความมั่นใจและความอ่อนน้อมถ่อมตนที่ได้สมดุล การเป็นผู้นำย่อมต้องการความมั่นใจในตนเองมากทีเดียว ต้องรู้จักว่าเมื่อใดควรแสดงความสามารถของตนให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้อื่นมิฉะนั้นจะถูกมองข้าม ผู้นำจะต้องกล้าและมั่นใจที่จะทำในสิ่งที่ตนเชื่อแม้ว่าผู้อื่นอาจจะไม่เห็นด้วย แต่ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ผู้นำย่อมไม่หวั่นไหวที่จะเดินหน้าต่อไปจนสำเร็จตามความมุ่งหมาย อย่างไรก็ตามความสำเร็จของผู้นำอาจทำให้ผู้นำมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนเกิดความพอดี เมื่อผู้นำคิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอหรือเก่งกว่าผู้อื่น เมื่อนั้นเองที่ความเสื่อมจะเริ่มคืบคลานมาหาผู้นำ จำเป็นที่ผู้นำจะต้องท่องคาถาบทหนึ่งไว้เสมอๆเป็นประจำทุกวันคือ อย่าลืมตัว อย่าลืมที่จะฟังความเห็นของผู้อื่นและยกย่องชมเชยคนรอบข้างเมื่อพวกเขาทำสิ่งที่ดีๆแม้เพียงเล็กน้อยให้แก่ตน อีกทั้งต้องเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้แสดงความสามารถของเขาด้วย เพราะไม่มีใครอยากเห็นผู้นำเด่นแต่เพียงคนเดียว ทุกคนอยากเป็นที่ยอมรับของสังคมด้วยกันทั้งนั้น

จริงใจกับตนเองและผู้อื่น ผู้นำที่เป็นที่เคารพของคนรอบข้างอย่างยั่งยืนมักเป็นคนที่ลูกน้องหรือทีมงานรู้สึกว่าเป็นผู้ที่มีความจริงใจและไว้วางใจได้ ซึ่งความจริงใจนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้นำจะต้องเล่าความลับทุกอย่างให้ทีมงานทราบ แต่หมายความว่าไม่หลอกลวง ไม่หลอกใช้ลูกน้อง ที่สำคัญยิ่งขึ้นไปอีกก็คือต้องมีความจริงใจกับตนเอง กล้าที่จะประเมินตัวเองอย่างเที่ยงธรรม กล้ายอมรับว่าตัวเองผิด มีหลายคนที่หลอกตัวเองว่าสิ่งที่ตนทำไปนั้นคือสื่งที่ถูกต้องสมควรที่สุด ทั้งๆที่เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว เรื่องของการมีจิตสำนึกที่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกนี้เป็นเรื่องที่ต้องสอนกันตั้งแต่เยาว์วัย รอจนโตเป็นผู้ใหญ่แล้วมาฝึกสอนกันทำได้ยากมาก การฝึกภาวะผู้นำที่ได้ผลจึงควรสร้างพื้นฐานการมีมโนธรรมจากครอบครัวก่อน ทักษะเรื่องอื่นๆยังเป็นเรื่องรองลงมา

เป็นนักคิดแบบ 360 องศา การเป็นผู้นำไม่ว่าจะอยู่ในวงการใดๆโดยเฉพาะวงการธุรกิจต้องเป็นผู้ที่ทันเหตุการณ์และทันคน การที่เราจะเป็นผู้ที่ก้าวทันและรู้ทันทั้งเหตุการณ์และคนย่อมหมายความว่าเราต้องเป็นผู้ที่เปิดหูเปิดตาตัวเองให้รับรู้ข้อมูลและรู้จักผู้คนอย่างกว้างขวาง สังเกตดูนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งไทยและเทศดูสิคะ บุคคลเหล่านี้สนใจแสวงหาข้อมูลและทุ่มเทใช้เงินซื้อข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์กับธุรกิจมากมายเพื่อทราบว่าตลาดกำลังมองหาสินค้าประเภทไหน ผู้บริโภควัยหนุ่มสาวต่างจากผู้สูงวัยอย่างไร ส่วนในเรื่องของผู้คน นักธุรกิจทั้งหลายล้วนมีเพื่อนฝูงคนรู้จักมากมายในทุกวงการ จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจหรือการเมืองทั้งในและนอกประเทศที่จะมีผลกระทบต่อตัวเขาและธุรกิจของเขา หลายคนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าเพราะมีเส้นสายเครือข่ายความสัมพันธ์มากมายทำให้เตรียมการรับมือได้ทัน เป็นหน้าที่ของผู้นำที่จะต้องติดตามข่าวสารทุกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับงานของตนอย่างสม่ำเสมอและต้องเข้าสังคมพบปะผู้คนอย่างต่อเนื่อง มันเป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นของการเป็นผู้นำที่ต้องทำให้เป็นกิจวัตรเพื่อที่จะได้ทราบว่าผู้บังคับบัญชาของท่าน เพื่อนร่วมงาน ลูกน้องและลูกค้ารู้สึกอย่างไรกับท่าน คนที่ไม่ชอบเข้าสังคมคงจะรู้สึกอึดอัดใจ เว้นเสียแต่ว่าท่านมีคู่ครองหรือคู่หูหรือลูกน้องที่สามารถช่วยทำหน้าที่เข้าสังคมและติดตามข่าวแทนท่านได้เป็นบางครั้งบางคราว แต่อย่างไรก็ไม่เหมือนการไปสัมผัสด้วยตนเอง

มีสมาธิมุ่งมั่น จูงใจตัวเองเป็น เส้นทางสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของหลายๆคนมิได้เป็นเส้นทางที่ราบรื่น ต้องพบกับอุปสรรคและความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง ผู้นำจึงต้องเป็นผู้ที่มีสมาธิจดจ่อกับภารกิจที่ทำอย่างไม่ว่อกแว่กง่ายๆ ไม่ใช่อยากทำอะไรเป็นพักๆประเดี๋ยวก็เบื่อ แบบนี้ประสบความสำเร็จยาก ลองสังเกตดูตัวเองสิคะว่าเป็นคนที่เบื่ออะไรง่าย ทนอะไรไม่ค่อยได้นานหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นคงต้องฝึกจิตใจของตนเองใหม่ ไม่มีใครจูงใจใครได้ดีกว่าเจ้าตัวเองค่ะ หากว่าท่านเป็นคนที่ทำอะไรเองคนเดียวไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ต้องมีคนคอยเชียร์อยู่ข้างๆไม่เช่นนั้นจะท้อถอยง่ายๆ แสดงว่าท่านพึ่งพาตนเองไม่ได้ จริงอยู่ที่มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม เป็นเรื่องดีที่จะมีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงคอยสนับสนุนให้กำลังใจ แต่ถ้าท่านต้องอยู่คนเดียว ต้องทำงานบางชิ้นให้เสร็จเพียงคนเดียวแล้วท่านทำไม่ได้ ได้เวลาที่จะต้องฝึกตัวเองใหม่แล้วค่ะ เพราะการเป็นผู้นำหมายถึงการเป็นผู้ที่สามารถจูงใจผู้อื่นและสามารถเป็นกำลังใจให้ผู้อื่นก้าวพ้นจากความไม่มั่นใจไปสู่ความมั่นใจมากขึ้น มีพลังที่จะสร้างสรรค์มากขึ้น

ให้อภัยผู้อื่นและตนเอง ต่อให้เก่งแสนเก่ง ดีแสนดี ผู้นำก็ยังเป็นมนุษย์ปุถุชนที่สามารถทำผิดพลาดได้เสมอ เช่นเดียวกับทีมงานของผู้นำ ผู้นำหลายคนเป็นคนเก่งและคาดหวังว่าทีมงานของตนย่อมต้องมีความเก่งด้วยเช่นกัน เมื่อมีความคาดหวังสูงก็มักจะมีความไม่พอใจมากเมื่อทีมงานทำผิดพลาด หลายคนเกรี้ยวกราดกับลูกน้อง และหลายคนไม่ค่อยยอมลืมและยอมให้อภัยง่ายๆ เมื่อลูกน้องทำผิดก็จะยกเอาความผิดเก่าๆมาพูดซ้ำซาก ผู้นำต้องรู้จักให้อภัยและทำใจลืมๆความผิดพลาดของลูกน้องไปบ้างโดยเฉพาะในยุคสมัยที่คนดีและเก่งหายาก ผู้นำจะไปจู้จี้จุกจิกมากมายคงไม่มีใครทนได้นาน ลำดับต่อไปก็คือต้องรู้จักให้อภัยตนเอง คนบางคนเคยทำผิดพลาดรุนแรง แม้ผู้อื่นจะให้อภัยเขาแล้ว แต่ตัวเขาเองยังไม่ให้อภัยตนเอง ยังเก็บความรู้สึกผิดไว้ในใจให้มันกัดกร่อนความสุขของตนเองเป็นสิบๆปี ดิฉันเคยอ่านหนังสือธรรมะหลายเล่มที่พูดถึงการให้อภัยตนเองซึ่งไม่ได้แปลว่าไม่รับผิด แต่หมายความว่าเมื่อตนเองทำผิดก็รู้จักรับผิดและพยายามแก้ไขเหตุการณ์ให้ดีขึ้นอย่างดีที่สุด แต่ถ้าแก้ไขไม่ได้ก็ต้องทำใจยอมรับว่าความผิดของตนนั้นแก้ไขไม่ได้ แล้วพยายามอย่าทำผิดซ้ำ รักษาจิตใจให้ดีไม่หมองเศร้ากับเรื่องที่แก้ไม่ได้แล้ว พยายามทำดีต่อไปในอนาคต ไม่ปล่อยใจให้มัวหมองหมดกำลังใจที่จะทำเรื่องดีๆต่อไปเพราะมันไม่เกิดประโยชน์กับตัวเองเลย

ทันเทคโนโลยี เป็นผู้นำสมัยนี้และในอนาคตต้องก้าวทันเทคโนโลยี ไม่เก่งไม่เป็นไร แต่ต้องก้าวให้ทัน มิฉะนั้นท่านจะไม่สามารถอยู่ในยุคดิจิตัลและ AI ได้เลยค่ะ

การเป็นผู้นำสำหรับปี 2018 และปีต่อๆไปเป็นเรื่องของการเตรียมใจและเตรียมตัว เตรียมใจเป็นเรื่องของทัศนคติ ส่วนการเตรียมตัวเป็นเรื่องของความรู้และทักษะ สำหรับดิฉันเชื่อว่าทัศนคติมาก่อนค่ะ ถ้าทัศนคติถูกต้องใช้ได้ ความรู้และทักษะจะตามมาเองในลำดับต่อไป ลองเปลี่ยนตัวเองโดยเริ่มจากทัศนคติก่อนสิคะ