“เมกะเทรนด์” เทรนด์เปลี่ยนโลก

“เมกะเทรนด์” เทรนด์เปลี่ยนโลก

“เมกะเทรนด์” เทรนด์เปลี่ยนโลก

สวัสดีปีใหม่ครับ 

ในช่วงปีใหม่นี้ ถือเป็นช่วงเริ่มต้นที่องค์กรทุกภาคส่วนเริ่มดำเนินงานตามแผนธุรกิจและเป้าหมายที่ได้วางไว้สำหรับปีนี้นะครับ ซึ่งในระหว่างทางอาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจหรือตามปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างปีนั้น ถือเป็นเรื่องที่ภาคธุรกิจต้องปรับตัวอยู่แล้ว สำหรับกรุงศรี นอกจากจะกำหนดทิศทางและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสำหรับปี 2561 แล้ว เรายังมีการจัดทำแผนธุรกิจระยะกลาง ซึ่งกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมถึง 3 ปี ข้างหน้าคือ 2561-2563 อีกด้วย ซึ่งแผนธุรกิจระยะกลางนี้เปรียบประดุจเข็มทิศทางธุรกิจของเราครับ

ในการจัดทำแผนธุรกิจขององค์กร เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากนำข้อใหญ่ใจความด้านธุรกิจ หรือ Bread and Butter ขององค์กรนั้นๆ มาตั้งเป็นโจทย์แล้ว เราต้องนำปัจจัย แนวโน้มต่างๆ ทั้งทางด้านภาวะเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงเชิงสังคม ทั้ง
มหภาคและจุลภาคเข้ามาพิจารณาประกอบการจัดทำแผนด้วย เพราะเป็นปัจจัยที่สามารถสร้างผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจได้ วันนี้ผมขอพูดถึงเมกะเทรนด์ครับ ซึ่งเป็นเทรนด์สำคัญของโลกและมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้     

เมกะเทรนต์เป็นแนวโน้มแห่งอนาคตที่มีผลในวงกว้างต่อการพัฒนาเศรษฐกิจมหภาคและการดำเนินชีวิตของผู้คนทั่วโลก ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการทำธุรกิจในองค์กรต่างๆ เมกะเทรนด์มี 6 ด้าน ได้แก่

1) เศรษฐกิจของจีนและประเทศเกิดใหม่กำลังมีบทบาทมากขึ้นในเวทีโลก  

2) โลกกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยที่มีจำนวนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น หรือ Aging Society 

3) การขยายตัวอย่างรวดเร็วของสังคมเมือง หรือ Urbanization ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความต้องการสินค้าและบริการ

4)  การสร้างพลังของปัจเจกบุคคล หรือ Individual Empowerment อันเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนโลกยุคใหม่ จากจำนวนชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นและทำให้เกิดความแตกต่างในความต้องการสินค้าและบริการ  

5) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป มีการใช้อินเตอร์เน็ทและเข้าสู่สังคมดิจิทัล และ  

6) การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี หรือ Technology Disruption ซึ่งทำให้เกิดนวัตกรรมและรูปแบบการทำธุรกิจใหม่ๆ ที่จะมาแทนที่สินค้าและบริการในรูปแบบเดิม

เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มเมกะเทรนด์แล้ว การพัฒนาของเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้โลกก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลายๆ อุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับการเข้ามาแทนที่ของนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตรูปแบบใหม่ รวมทั้งมีการเชื่อมโยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ และเทคโนโลยีการสื่อสารไร้พรมแดนทำให้การเปลี่ยนแปลงจากซีกโลกหนึ่งส่งผลไปยังอีกซีกโลกหนึ่งในเวลาอันรวดเร็วและมีผลกระทบในวงกว้างมากขึ้น

สำหรับประเทศไทย รัฐบาลได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อช่วยปลดล็อคประเทศจากกับดักที่ท้าทายการเดินหน้าของเศรษฐกิจ อาทิ กับดักรายได้ปานกลาง  กับดักของความไม่เท่าเทียม และกับดักด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่สมดุล ไทยยังเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างหลังจากจำนวนประชากรวัยทำงานได้แตะระดับสูงสุดและมีอัตราการปรับลดลงมากที่สุดในกลุ่มอาเซียน 5 ประเทศ คือ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย นอกจากนี้ความสามารถในการแข่งขันของไทยยังลดลงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทำให้ต้องมีการยกระดับอุตสาหกรรมเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในระบบซัพพลายเชนโลก ทั้งนี้ ภาครัฐและภาคเอกชนได้ร่วมมือกันปฏิรูปประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตผ่านเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม   

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับภาคธุรกิจและจะช่วยให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนอย่างแท้จริง ในเดือนหน้าผมจะพูดถึงปัจจัยสำคัญในประเทศและแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคซึ่งจะมีผลกระทบต่อภาคการเงินโดยเฉพาะครับ