เตรียมพร้อม ปรับลดเวลาเคลียร์หุ้น

เตรียมพร้อม ปรับลดเวลาเคลียร์หุ้น

เตรียมพร้อม ปรับลดเวลาเคลียร์หุ้น

ผู้ที่ลงทุนในตลาดหุ้นนั้น คงจะคุ้นเคยกันดีกับกระบวนการซื้อขายหุ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายผ่าน Online หรือผ่าน Marketing ซึ่ง หากคำสั่งซื้อขายได้รับการจับคู่หรือที่ชอบพูดกันว่าซื้อหรือขายได้นั้น ผู้ซื้อก็จะเห็นหุ้นในพอร์ทเพิ่มขึ้นทันที ในขณะที่ผู้ขายหุ้นนั้นก็จะเห็นจำนวนหุ้นในพอร์ตลดลงทันทีเช่นกัน แม้ว่ากระบวนการซื้อขายจะเสร็จสิ้นไปด้วยความรวดเร็วแต่ยังมีอีกกระบวนการหนึ่งที่เรียกว่าการชำระราคา หรือ Settlement ซึ่งเป็นกระบวนการชำระเงินค่าหุ้นและรับมอบหุ้นเข้าพอร์ต หรือพูดง่ายๆ คือรับหุ้นจ่ายเงินกัน นั่นเอง

 ปัจจุบันบริษัทสำนักหักบัญชี(ประเทศไทย)จำกัด หรือเรียกว่า TCH (Thailand Clearing House)เป็นผู้มีบทบาทหลักในการชำระราคาและส่งมอบการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)  โดยดำเนินการในรูปแบบการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์กระทำในเวลาเดียวกัน (Delivery versus Payment หรือ DvP) ตามมาตรฐานสากล ปัจจุบัน ในวันที่ผู้ลงทุนทำการซื้อหรือขายหุ้น (เรียกว่าวัน T) บริษัทหลักทรัพย์หรือโบรคเกอร์จะมีระยะเวลาในการตัดเงินเพื่อชำระค่าหุ้นและรับหุ้นเข้าพอร์ตในวันทำการที่ 3 หลังจากวันที่ซื้อขายหุ้น หรือมีระยะเวลาชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ (Settlement Cycle) เท่ากับ T+3  อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัตินั้น หากคำสั่งซื้อขายได้รับการยืนยันการจับคู่รายการซื้อขาย (Confirm) แล้ว ผู้ซื้อสามารถที่จะนำหุ้นที่ซื้อได้นั้นออกไปขายได้ (ตามเกณฑ์สิทธิ) แต่ต้องจ่ายเงินค่าหุ้นในวันที่ T+3 ( ยกเว้นกรณี Cash Balance) ในขณะที่ผู้ขายหุ้นออกไปจะถูกลดจำนวนหุ้นในพอร์ตลงและได้รับเงินสดเข้าในบัญชีตนเอง 3 วันทำการหลังจากวันที่ทำการขายหุ้น   

ในการชำระราคาและส่งมอบนั้น มีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ตั้งแต่ผู้ลงทุนซึ่งมีทั้งในและต่างประเทศ ผู้เก็บรักษาทรัพย์สิน (Custodian) โบรกเกอร์ ธนาคารพาณิชย์และ สำนักหักบัญชี ดังนั้นในกระบวนการที่เกิดขึ้นจึงต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องทั้งในแง่ของการตรวจสอบรายการซื้อขาย และต้องมีการจัดเตรียมเงินและหลักทรัพย์ ซึ่งมีความซับซ้อนมากขึ้นในกรณีของผู้ลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะหากผู้ลงทุนอยู่ในคนละ time zone ก็อาจจำเป็นที่จะใช้เวลามากขึ้น ซึ่ง Settlement Cycle มีระยะยาวผู้ลงทุนก็จะเสียโอกาสในการนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นไปลงทุนต่อยอด (Reinvest) อย่างไรก็ตาม จากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีในปัจจุบัน ช่วยให้กระบวนการตรวจสอบและโอนย้ายเงินสดและหลักทรัพย์สามารถดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ประกอบกับการลงทุนแบบข้ามพรมแดนของทั้งผู้ลงทุนไทยและต่างประเทศมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้เริ่มทยอยปรับลดระยะเวลาการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์เป็นจาก T+3 เป็น T+2 ทั้งในยุโรป อเมริกา โซนเอเซีย   ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้พิจารณาปรับลดรอบระยะเวลา Settlement Cycle ลงจาก 3 วันทำการ (T+3) มาเป็น 2 วันทำการ (T+2) เพื่อให้สอดคล้องกับต่างประเทศ

เตรียมพร้อม ปรับลดเวลาเคลียร์หุ้น

การปรับเปลี่ยนดังกล่าวนั้น คาดว่าจะช่วยให้ผู้ลงทุนมีความคล่องตัวในการลงทุนมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในระบบชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ รวมทั้งต้นทุนในการประกอบธุรกิจของทั้งอุตสาหกรรมโดยรวมลดลงตั้งแต่ Clearing House บริษัทหลักทรัพย์ ไปจนถึงผู้ลงทุน เนื่องจากหลักประกันที่ต้องวางเพื่อให้ครอบคลุมค่าความเสี่ยงก็จะน้อยลงตามไปด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ในการดำเนินการเพื่อปรับลดระยะเวลาการชำระราคาและส่งมอบเป็น T+2 นั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน ได้แก่ สำนักงาน ก.ล.ต. ธนาคารแห่งประเทศไทย บริษัทหลักทรัพย์ คัสโตเดียน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และธนาคารพาณิชย์ ได้มีการเตรียมความพร้อมมาตลอดปี 2560 ในการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน เช่น วิธีการบริหารจัดการเพื่อให้สามารถส่งมอบหลักทรัพย์ได้รวดเร็วขึ้น, การปรับปรุงระบบงานระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทสมาชิกให้อยู่ในรูปแบบ Straight Through มากขึ้น รวมถึงการปรับกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจนเสร็จสิ้น และได้กำหนดเปลี่ยน Settlement Cycle เป็น 2 วันทำการ หรือ T+2 ในวันที่ 2 มีนาคม 2561

การเปลี่ยนแปลง Settlement Cycle ให้สั้นลงเหลือ 2 วันทำการนั้น จะไม่ส่งผลกระทบในการส่งคำสั่งซื้อขายของผู้ลงทุน แต่ที่สำคัญก็คือผู้ลงทุนต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเตรียมเงินและเตรียมหลักทรัพย์เร็วขึ้น 1 วัน แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ทำให้ผู้ลงทุนบริหารจัดการเงินเพื่อหาผลตอบแทนได้เร็วขึ้น โดยมีต้นทุนในการทำธุรกรรมน้อยลง เช่น กรณีผู้ขายที่ได้เงินเร็วขึ้น ก็จะเพิ่มโอกาสในการนำเงินไปบริหารจัดการเพื่อลงทุนต่อได้รวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ รวมถึงสามารถบริหารพอร์ตการลงทุนระหว่างประเทศได้สะดวกขึ้นกว่าในปัจจุบัน

การปรับลดระยะเวลาเป็น T+2 นี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ไทย ซึ่งจะช่วยให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้ลงทุนและผู้เกี่ยวข้อง ในแง่ของการลดต้นทุน ลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพและนับเป็นอีกก้าวหนึ่งในการยกระดับมาตรฐานระบบการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ของตลาดทุนไทย ให้ทัดเทียมกับสากล สำหรับในอนาคตนั้น ในบางประเทศมีแนวคิดที่จะศึกษาความเป็นไปได้ในการนำพัฒนาการของเทคโนโลยีด้านการบริหารข้อมูลและการประมวลผลใหม่ๆ เช่น Blockchain ที่ประยุกต์ใช้ในบางส่วนของการชำระราคา ซึ่งในอนาคต เราน่าจะเห็นพัฒนาการที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้มาประยุกต์ในการทำงานในกระบวนการชำระราคาและส่งมอบมากขึ้น โดยอาจเป็นแค่บางส่วนของกระบวนการทำงานก็ได้