สรุปภาพการลงทุนปี 2560

สรุปภาพการลงทุนปี 2560

สรุปภาพการลงทุนปี 2560

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกๆท่าน เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปีกันแล้วนะครับ ปีนี้นับว่าเป็นปีที่ค่อนข้างดีสำหรับนักลงทุนเพราะผลตอบแทนจากการลงทุนจากสินทรัพย์ส่วนใหญ่ออกมาค่อนข้างดี สำหรับใครที่มีพอร์ตการลงทุนที่ค่อนข้างกระจายไปยังต่างประเทศอยู่แล้วก็น่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าพอร์ตลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว และก็เป็นปีที่เห็นประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงที่ชัดเจนอีกปีหนึ่งครับ

วันนี้ผมจึงนำเอาภาพสรุปภาวะการลงทุนของสินทรัพย์ต่างๆทั้งในและต่างประเทศมาสรุปให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกัน ส่วนแนวโน้มการลงทุนขอเป็นบทความในครั้งถัดไปนะครับ โดยในภาพรวมปีนี้สินทรัพย์เสี่ยงเช่นการลงทุนในตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีมาก เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นพัยธบัตรรัฐบาล โดยถ้าดูจากการเคลื่อนไหวของดัชนี MSCIN ACWORLD INDEX ที่บวกถึง 20.1% ซึ่งนับว่าให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงมาก ในขณะที่ผลตอบแทนของตราสารหนี้โดยรวมของโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.5% (วัดจากดัชนี JPM GLOBAL AGGREGATE TR INDEX) ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ถ้าเรามาดูดัชนีที่สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด 5 อันดับแรกในปีนี้กันก่อน จะพบว่าตลาดหุ้นของเอเชียเราสร้างผลตอบแทนได้ดีมาก โดยดูจากตลาดหุ้นของประเทศเพื่อนบ้านเรานั่นก็คือตลาดหุ้นเวียตนามนำมาเป็นที่หนึ่ง โดยดัชนีตลาดหุ้นโฮจิมินห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึง 39% ก็ต้องยอมรับว่าปีนี้เวียตนามเค้ามาแรงจริงๆ ตามติดมาด้วยอันดับที่ 2 ได้แก่ตลาดหุ้นของประเทศตุรกี (วัดจากดัชนี FTSE/JSE Africa Top40) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 38.4% อันดับ 3 ก็เป็นตลาดหุ้นของเอชียเราอีกครับ ดัชนี FTSE CHINA A50 ของประเทศจีนปรับตัวบวกถึง 32.2% ในขณะที่อันดับ 4 เป็นของฟากตลาดหุ้นอเมริกา ซึ่งโดยรวมของหุ้นอเมริกาค่อนข้างดีหมด แต่ที่สูงสุดคือ NASDAQ100 บวกไป 31.5% ซึ่งสูงกว่าแนสแดคโดยรวมเล็กน้อย ในขณะที่ S&P500 บวกได้แค่ 18.9% อันดับที่ 5 ก็ยังเป็นของเอเชียเราครับ เป็น ดัชนีหุ้นขนาดเล็กของญี่ปุ่นที่วัดจากดัชนี MSCI JP SMALL CAP ที่ปรับตัวเพิ่มไปถึง 26.8% ซึ่งดีกว่าตลาดหุ้นโดยรวมของญี่ปุ่นเช่น NIKEI225 ที่บวกไปแค่ 19.1%

จริงๆ แล้วยังมีตลาดหุ้นอีกหลายประเทศที่สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า 20% นะครับไม่ว่าจะเป็น อินเดีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ในขณะที่ตลาดหุ้นบ้านเราปีนี้บวกไปได้เพียงแค่ 10.6 % และเป็นการปรับตัวขึ้นในช่วงหลังของปี หลังจากที่ภาพทางการเมืองในเรื่องของการเลือกตั้งจะดูมีความชัดเจนขึ้น

ถ้าเรามาดูภาพการเคลื่อนไหวรายกลุ่มอุตสาหกรรม จะเห็นภาพที่สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวได้โดดเด่นเป็นกลุ่มที่สะท้อนการเติบโตได้ดีไม่ว่าจะเป็น กลุ่มสารสนเทศ MSCI ACWI/INFO TCH ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 39.9% ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุ MSCI ACWI/MATERIAL +22.0% กลุ่มสินค้า CONSUMER DISCRETIONARY + 21.2๔ และกลุ่มอุตสาหกรรม + 21.1% ดังนั้นปีนี้ถ้าใครลงทุนในกองทุน FIF ที่เกี่ยวกับ เท่คโนโลยี่ ซอฟแวร์ ดิจิตอล หรือกองโรบอต ก็น่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกันถ้วนหน้า

ทีนี้ลองมาดูสินทรัพย์ประเภทอื่นๆกันบ้าง เริ่มจาก สินทรัพย์ประเภท กองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือรีทส์ ซึ่งปีนี้ไม่ค่อยสดใสนัก โดยดัชนีของรีทส์บ้านเราบวกไปเพียง 3.1% ซึ่งเป็นการพลิกตัวกลับมาเป็นบวกในช่วงครึ่งหลังของปีหลังจากที่ครึ่งปีแรกติดลบไป ซึ่งใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีรีทส์โลก สินทรัพย์ในหมวดสุดท้ายที่อยากยกมาก็คือกลุ่มสินทรัพย์ประเภท คอมโมดิตี้ ซึ่งปีนี้ค่อนข้างผันผวนมาก ที่ดีก็ได้แก่ทองคำ ซึ่งก็ค่อนข้างผันผวนเช่นกันแต่ถ้าใครถือไว้ตั้งแต่ต้นปีผลตอบแทนก็ไม่นับว่าขี้เหร่นะครับ โดยปีนี้ทองคำบวกไปได้ 9% ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบปีนี้มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีเพียง +5.4%

โดยสรุปผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนี้ค่อนข้างสดใส โดยเฉพาะกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยง ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีถ้าใครยังไม่ได้ลงทุนใน LTF/RMF ก็ต้องรีบแล้วนะครับ 

ท้ายสุดนี้ผมก็อยากฝากท่านผู้อ่านไว้ว่าการวางแผนการลงทุนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกับชีวิตของเรา ไม่ว่าเราจะอยู่ในวัยทำงาน หรือถึงแม้ว่าจะเกษียณแล้วก็ตาม เราก็ยังต้องให้ความสำคัญต่อการวางแผนการลงทุน รายรับ รายจ่าย เพื่อให้เราสามารถมั่นใจว่าเราสามารถมีชีวิตความเป็นอยู่ตามที่เราต้องการได้ตลอดไปในอนาคต ท้ายสุดนี้ผมก็ขออวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านโชคดีในการลงทุนครับ