กระบี่.... อีกครั้ง

กระบี่.... อีกครั้ง

กระบี่เป็นจังหวัดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวลำดับที่ 5 ของประเทศ จากตัวชี้วัดต่างๆ ของการมาเยือน รองจากภูเก็ต ชลบุรี สุราษฎร์ธานี และเชี่ยงใหม่

แต่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกระบี่ร้อยละ 80 เป็นผู้ที่เคยมาแล้ว การหากิจกรรมท่องเที่ยว นอกเหนือจากเกาะและชายหาดจึงมีความสำคัญในการรักษาตลาด และความยั่งยืนของธุรกิจท่องเที่ยวในจ.กระบี่

กระบี่เป็นจังหวัดที่โชคดีมากที่มีแหล่งท่องเที่ยวกลางใจเมือง

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมาผู้เขียนลงไปทำงานวิจัยที่กระบี่ คุณอภิชัย อรัญญิก ผู้อำนวยการ ททท. กระบี่ ได้กรุณาพาไปชมแหล่งท่องเที่ยวกลางใจเมืองกระบี่คือ บ้านเกาะกลาง ซึ่งเป็นเกาะกลางน้ำอยู่ฝั่งตรงข้ามศาลากลางจังหวัด 

วิธีการเดินทางไปบ้านเกาะกลางมี 2 ท่าเรือให้เลือกคือ ท่าเรือสวนสาธารณะธาราไปยังท่าเรือท่าเล (เกาะกลาง) ใช้เวลา 5 นาที ค่าโดยสารคนละ 10 บาท หรือท่าเรือเจ้าฟ้า (ตัวเมือง) ไปยังท่าเรือท่าหิน (เกาะกลาง) ใช้เวลา 15 นาที 

ผู้เขียนเดินทางโดยลงเรือที่ท่าเจ้าฟ้า ถึงบ้านเกาะกลางแล้วนักท่องเที่ยวก็อาจจะเลือกที่จะปั่นจักรยานที่เช่าได้ที่ท่าเรือ หรือจะเลือกสามล้อเครื่อง ซึ่งจะนำท่านเข้าสู่ “วิถีไทย” 

เกาะนี้มีถนนคอนกรีตก็จริงแต่ไม่มีรถยนต์ ทำให้บรรยากาศสงบเงียบ บ้านเรือนก็น่ารัก สภาพแวดล้อมสะอาด ผู้คนอัธยาศัยดี นักท่องเที่ยวสามารถไปชม และวาดภาพบน ผ้าปาเต๊ะ ค่าบริการหัดระบายสีผืนละ 50 บาทแล้วเก็บกลับมาเป็นของที่ระลึกได้ หรือจะไปหัดสีข้าวโดยใช้เครื่องมือโบราณ 

ระหว่างทางที่คดเคี้ยวในหมู่บ้าน จะได้บรรยากาศความเป็นชนบทที่ไม่ได้ปรุงแต่ง ร่มรื่น สะอาด ชวนมอง 

สุดท้ายเมื่อไปถึงอีกมุมของเกาะจะมีร้านอาหารที่มีกระชังปลาไว้บริการอีก 2 ร้าน นักท่องเที่ยวจะได้ทานปลาจากกระชังสดๆ ก่อนที่จะเดินทางกลับ

ผู้เขียนยังไม่เคยเห็นจังหวัดไหนที่จะสามารถเดินทางไปเที่ยวโดยมีกลิ่นอายของบรรยากาศชนบทในขณะที่อยู่กลางใจเมืองมาก่อน 

 บ้านเกาะกลางเป็นพื้นที่ที่ นักท่องเที่ยวอิสระ (FIT) สามารถมาเที่ยวเองโดยไม่ต้องนัดหมายกับชุมชนเอาไว้ก่อน ขากลับนักท่องเที่ยวอาจเลือกเหมาเรือไปชมทิวทัศน์ของเขาขนาบน้ำ และไปดูถ้ำของมนุษย์โบราณได้ 

นอกจากนี้ ผู้เขียนเห็นว่าบ้านเกาะกลางยังเหมาะกับการฝึกหัดวิ่งมาราธอน (ไป-กลับ 16 กิโลเมตร) นอกจากบรรยากาศจะดีแล้วยังปลอดภัยจากรถยนต์อีกด้วย

กระบี่เป็นจังหวัดที่ชุมชนเข้มแข็ง มีกลุ่มผู้ประกอบการสายอนุรักษ์ที่ต้องการให้ กระบี่ Go –green ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของเมือง และขณะนี้นักท่องเที่ยวจีนแบบ Mass ยังทะลุทะลวงมาไม่ได้ เพราะคนกระบี่ยืนยันที่จะเป็น เมืองท่องเที่ยวที่สงบ ไม่มีโชว์กลางคืน และ ไม่มีร้านสำหรับชอปปิง (ประเภทเอาไว้ฟันนักท่องเที่ยวจีน) ทัวร์ศูนย์เหรียญจึงไม่มีที่กระบี่ 

ในช่วง Peak season นักท่องเที่ยวยุโรปจะจองที่พักค่อนข้างเต็ม นักท่องเที่ยวจีนจึงยังขยายไม่ได้มากนัก จะมาเติมเต็มได้ก็เฉพาะช่วง Low season อีกทั้งผู้ประกอบการยังเป็นคนท้องถิ่น เช่น ในกรณีเจ้าของท่าเรือ Kayak ดังนั้นในการบริการคนจีน ทางท่าเรือจะจัดให้คนท้องถิ่นพายให้ เมื่อเป็นเช่นนี้รายได้ก็จะตกถึงมือคนท้องถิ่น 

กระบี่ยังมี นวัตกรรมการลงทุนด้านท่องเที่ยว โดยเจ้าของรีสอร์ทที่แหลมสัก ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นได้ชักชวนชาวบ้านที่เป็นคนท้องถิ่นเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในการลงทุนสร้างโรงแรม หากไม่มีเงินก็ออกแรงในการก่อสร้างก็ได้ จะทำให้คนท้องถิ่นมีส่วนได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวแบบร่วมด้วยช่วยกัน ผู้เขียนอยากขอเป็นกำลังใจให้กระบี่สามารถจัดการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนโดยคนท้องถิ่นและเพื่อคนท้องถิ่นตลอดไป

ส่วนจุดอ่อนของการท่องเที่ยวกระบี่จะเป็น ด้านระบบโลจิสติกส์ เพราะสนามบินใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว และแม้ว่าจะมีแผนขยายสนามบินเป็น 8 ล้านคน/ ปี ในปี 2562 ก็คาดว่านักท่องเที่ยวคงใกล้ถึงเพดานแล้วในปีนั้น 

Shuttle bus ที่สนามบินขณะนี้ก็เป็นบัสหวานเย็นไม่มีกำหนดออก รอจนผู้โดยสารเต็มถึงจะออก ไม่ได้มาตรฐานอินเตอร์ 

คันที่ผู้เขียนนั่งนั้นยิ่งร้าย ออกไปพ้นสนามบินแล้วยังถูกเรียกให้กลับเข้ามารับนักท่องเที่ยวตะวันตกเพิ่มอีก 2 คน พอขึ้นรถก็ไม่มีคำต้อนรับหรืออธิบายอะไร น่าจะหาเทปกล่าวต้อนรับ และแนะนำจุดที่บัสจะจอดและเวลาที่จะใช้ในการเดินทางตลอดสาย ไม่ต้องให้ผู้โดยสารโดยเฉพาะผู้โดยสารต่างชาตินั่งจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวว่าขึ้นรถถูกคันหรือเปล่า เพราะขณะที่คอยรถบัสก็ไม่มีป้าย มีแต่เจ้าหน้าที่คอยตะโกนบอกดูแล้วไม่เป็นมืออาชีพอย่างยิ่ง

จุดอ่อนอีกประเด็นหนึ่งของกระบี่ก็คือ การจัดการเมือง กระบี่มีถนนหน้าเมืองเลียบแม่น้ำ มีหินปูนคือเขาขนาบน้ำสวยงามมาก นับเป็นจังหวัดที่มีโชคด้านทิวทัศน์ เพราะมีทางเดินเลียบริมน้ำที่เรียกว่า Promenade เอาไว้ให้เดินเล่น เป็นหน้าเป็นตาของเมือง 

แต่กระบี่กลับใช้ไปจัดจำหน่ายสินค้าคาราวาน บดบังทิวทัศน์เมืองทำให้ทัศนวิสัยรายรอบ “ปูดำ” ที่นักท่องเที่ยวต้องไปถ่ายรูปตอนทำ Check-in รกรุงรังไม่สวยงาม ซึ่งควรจัดหาสถานที่อื่นหรืออาจจะพิจารณาใช้สวนสาธารณะเช่น สวนธาราบริเวณที่ไม่ติดน้ำเป็นสถานที่จำหน่ายสินค้าแทน

อีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลน่าจะสนับสนุนกระบี่ และเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ นอกไปจากภูเก็ตและเชียงใหม่ ก็คือพยายามให้มี WIFI ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ และสนับสนุนให้ร้านอาหาร ร้านค้ามี WIFI เพราะนักท่องเที่ยวจะได้ upload รูปขึ้น Facebook ทันที ทำให้แหล่งท่องเที่ยวไทยแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วตามความถี่ของการใช้ Facebook ของนักท่องเที่ยว

ในวันข้างหน้าถ้าจะมาเที่ยวกระบี่ ก็อย่าลืมเที่ยวในเมืองกระบี่นะคะ จะไปปีละหลายครั้งก็สดชื่นค่ะ!