อินทัชฯเดินหน้าปันผล 5-6 % มอง 'ไทยคม'ผ่านจุดต่ำสุด

อินทัชฯเดินหน้าปันผล 5-6 % มอง 'ไทยคม'ผ่านจุดต่ำสุด

พิธีกร Stock Gossip by Money Wise ติดตาม live จ-ศ 13.30-14.00 น.

ผลประกอบการในงวด 9 เดือนปี 2560 ของบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ได้ประกาศออกมาสะท้อนถึงการเติบโตที่ลดลงอย่างชัดเจน จากธุรกิจของบริษัทย่อยจนทำให้ มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 8,919 ล้านบาท ลดลง 36 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 13,837 ล้านบาท

เมื่อแยกการรับรู้รายได้จากการถือหุ้นในบริษัทลูก กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC คิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้มากที่สุดที่ 40.45 % รับรู้งวดนี้ที่ 8,974 ล้านบาท ลดลง 8 % ธุรกิจ ดาวเทียม คือ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ที่ 222 ล้านบาท ลดลง 69 % และยังรับรู้ขาดทุนในธุรกิจของบริษัทและธุรกิจอื่นๆ

ช่วงที่เหลือของปี 2560 บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้จากการขายและให้บริการจะลดลงจากปีก่อนประมาณ 10-12 % ซึ่งได้รับผลกระทบหลักมาจากธุรกิจของ ไทยคม เป็นหลัก ขณะที่ แนวโน้มของ แอดวานซ์ ฯ คาดว่าจะมีรายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่าย) เพิ่มขึ้น 4-5 % จากปีก่อน ซึ่งประมาณการณ์อัตรากำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ย (EBITDA margin) ไว้ที่ 42-44 %

ขณะที่ไทยคม ได้รับผลกระทบจากการลดลงของรายได้จากการให้บริการดาวเทียม บรอดแบนด์ ไทยคม 4 ในประเทศออสเตรเลีย และไทย รวมถึงการชะลอตัวของอุตสาหกรรม ทำให้อัตราการเช่าช่องสัญญาณต่ำกว่าปีที่ผ่านมา

ช่วงที่เหลือของปี ไทยคมคาดการณ์ว่ายังได้รับผลกระทบจากลูกค้าที่หมดอายุ ทำให้มีการปรับฐานรายได้เน้นลูกค้ารายย่อย รวมทั้งการมองหาการลงทุนใหม่ๆทั้งลงทุนในกิจการของบริษัท และกิจการที่เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจ จากกระแสเงินสดในมือช่วงสิ้นปีนี้อยู่ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท เช่น การศึกษาความเป็นไปได้รอบ9กับพันธมิตรเพื่อสร้างดาวเทียมใหม่

‘ทมยันตรี คงพูลศิลป์’ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สำนักงานนักลงทุนสัมพันธ์ อินทัชฯ กล่าวกับ Stock Gossip ว่าข้อพิพาทของไทยคมกรณีดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 ต้องรอการเจรจากับภาครัฐ ทำให้ในระหว่างนี้ธุรกิจยังสามารถดำเนินต่อเนื่องไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ยอมรับว่าการเติบโตของไทยคมในปีนี้ลดลง อาจจะต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4 เนื่องจากลูกค้าหลักที่หายไป ซึ่งปีนี้น่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว

ปัจจุบันไทยคมมีการหาฐานลูกค้าใหม่ๆ ในกลุ่มตลาดเอเชียตะวันอออกเฉียงใต้ มากขึ้น และมองหาการลงทุนอื่นเพิ่มเติม ซึ่งเงินที่มีอยู่ในมือ ประมาณ 5,000 ล้านบาท บวกกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจึงทำให้บริษัทมีศัยกภาพในการลงทุนได้อย่างไม่มีปัญหา

สำหรับ แอดวานซ์ ฯ เป็นรายได้ที่มีน้ำหนักมากที่สุดของ อินทัช ฯ มีเงินสดในมือพร้อมที่ใช้สำหรับการลงทุน ซึ่งปัจจุบันทางภาครัฐยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการประมูลคลื่นความถี่ใหม่เมื่อไร

ดังนั้นแม้ว่าในปีนี้บริษัทจะมีการเติบโตไม่มากเหมือนปีก่อน แต่ยังเน้นการเป็นบริษัทที่จ่ายเงินปันผล 5-6 % ซึ่งสูงว่าเกณฑ์ในตลาดหุ้น และยังมีโอกาสในธุรกิจโทรคมนาคม มีเดีย และสื่อ ในอนาคต

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย ) ได้ปรับกำไรปกติปี 2560 ของ อินทัชฯ ลงมาอยู่ที่ 11,943 ล้านบาท ลดลง 27.2 % จากปีก่อน โดยเป็นการปรับจาก ไทยคม ส่วนปี 2561 คาดมีกำไรที่ 12,586 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4 %

โดยได้รับผลดีจากธุรกิจของแอดวานซ์ ฯที่มีจำนวนลูกค้าระบบรายเดือน มีแนวโน้มดีขึ้น และการใช้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจบรอดแบนด์มีการเร่งขยานฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแผนการอุดหนุนค่าเครื่องน้อยลงเน้นลูกค้าคุณภาพมากขึ้น ทำให้กำไรยังเติบโตในช่วง 2560-2561

สวนทางกับไทยคม ยังตกที่นั่งลำบากหลังปรับกำไรปีนี้ลดลง ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ธุรกิจดาวเทียมไอพีสตาร์ (ดาวเทียมไทยคม 4) ลดลงมากหลังลูกค้ารายใหญ่หมดสัญญาครึ่งปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามอินทัช ฯได้ประโยชน์ สองต่อ กรณีขายหุ้นในกลุ่ม คือไทยคม ขายหุ้น บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL ให้ แอดวานซ์ ฯ นั้นทำให้ อินทัช ฯ มีโอกาสได้ปันผลพิเศษจากการขายหุ้นดังกล่าว และเกิดขยายเชิงธุรกิจในกลุ่มบรอดแบนด์ ของแอดวานซ์ ฯในอนาคต

แม้ราคาปรับตัวลดลงจากความกังวลข้อพิพาทของไทยคม และการประมูลคลื่นใหม่ของแอดวานซ์ฯ แต่ด้วยผลประกอบการและการจ่ายปันผลที่สูงประมาณ 5-6 % จึงแนะนำ ซื้อ ที่ราคา 66 บาท