Let Profit Run

Let Profit Run

Let Profit Run

สวัสดีครับท่านนักลงทุน กลับมาพบกันอีกครั้ง เพื่อมาคุยกันเรื่องกลยุทธ์การลงทุนในเดือนพ.ย. เพื่อให้ทราบว่าท่านนักลงทุน ต้องเตรียมกำหนดกลยุทธ์อะไรกันบ้างในเดือนนี้

หลังจากที่ผมเขียนคอลัมน์ไปเมื่อเดือนก่อนว่า หุ้นไทยปีหน้า จะไป 1,900 จุด จากนั้นมา ผมพบปะนักลงทุนที่ไหน จะโดนถามตลอด เรื่องหุ้นปีหน้าจะไป 1,900 จุด บางท่านเห็นด้วย บางท่านไม่เห็นด้วย

อย่างไรก็ตาม หุ้นก็ขึ้นมาตลอดจนถึง 1,720 จุด หุ้นขึ้นมาถึงตรงนี้ หลายท่านยังบอกว่า หุ้นขึ้นไม่จริง ไม่น่าซื้อตาม หลายท่านยังไม่เชื่อว่าหุ้นจะขึ้นยาว สำหรับผมมีความเชื่อส่วนตัวที่ว่า ถ้านักลงทุนยังมีความกลัวไม่กล้าซื้อหุ้นในตอนนี้ หุ้นจะขึ้นต่อ ซึ่งหุ้นมักลงตอนที่ทุกคนกล้าพร้อมกันหมด

ส่วนท่านที่เชื่อว่าหุ้นขึ้น ก็ใช้กลยุทธ์ การเข้าซื้อตามที่ตนถนัด เช่น มีนักลงทุนหลายท่านบอกว่า รอบนี้จะเข้าซื้อหุ้นในวันที่หุ้นขึ้นเท่านั้น ใช้หลัก ซื้อเฉลี่ยขึ้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนหลายท่านไม่ค่อยถนัด หรือนักลงทุนหลายท่านก็ใช้กลยุทธ์ที่ถนัด คือช้อนซื้อนั่นเอง คือวันไหนหุ้นลง ก็เข้าซื้อ

สำหรับในเดือนนี้ มีหลายปัจจัยที่มาจากต่างประเทศ ที่อาจสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้น เช่น เรื่องประธานเฟดคนใหม่ ที่คาดว่าจะทราบผลในเดือนนี้ คาดหมายกันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมเสนอชื่อ นายพาวเวล เป็นประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งน่าจะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผิดคาด ได้คนที่ตลาดหุ้นไม่ได้คาดหวัง แต่ผมก็เชื่อว่าน่าจะกระทบตลาดหุ้นช่วงสั้น ๆ เท่านั้น

ส่วนผลกระทบเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย ที่เฟดน่าจะขึ้นช่วงวันที่ 12-13 ธ.ค. ก็ไม่น่ากระทบตลาดหุ้นมากมายอะไร เพราะตลาดหุ้นรับรู้ไปแล้ว แม้แต่เรื่องขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า ที่คาดว่าจะขึ้น อีก 3 ครั้ง ซึ่งเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยนี้ ตลาดหุ้นรับรู้ไปแล้ว ไม่น่าส่งผลอะไรกับตลาดหุ้นไทย

ส่วนปัจจัยในประเทศ ที่น่าจะสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้น ก็น่าจะเป็นเรื่องของผลประกอบการไตรมาส 3 แม้คาดการณ์กำไรไม่สดใสนักเพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของหลายกิจการ แต่คาดว่าไม่น่ามีการ Sell on Fact เหมือนไตรมาสก่อน ๆ เพราะนักลงทุนเริ่มมองข้ามไปที่ปีหน้าแล้ว ว่าเศรฐกิจดูจะสดใสมากขึ้น

ช่วงนี้จะเห็นว่า หุ้นไทยถ้ามีช่วงลบในระหว่างวัน จะมีแรงซื้อกลับเข้ามา แรงซื้อเหล่านี้ มาจากพลังนักลงทุนไทยนั่นเอง ทั้งรายย่อย ทั้งสถาบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แรงซื้อที่มาจาก RMF และ LTF คาดว่าจะมีเม็ดเงินในส่วนนี้ สี่ถึงห้าหมื่นล้านบาท

อีกประเด็นที่เห็นจากตลาดหุ้นในตอนนี้ จะเห็นฝรั่งขายทำกำไร ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของฝรั่งที่มักขายทำกำไรในช่วงไตรมาสสุดท้าย การที่ฝรั่งขายส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อมากขึ้น 

สำหรับการซื้อขายแยกตามกลุ่มนักลงทุน เดือนต.ค. 2560 นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 7,296 ล้านบาท สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 5,522 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 2,151 ล้านบาท และรายย่อย ขายสุทธิ 376 ล้านบาท 

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในเดือนพ.ย. คือ นักลงทุนที่ยังไม่ได้ซื้อหุ้นรอบนี้ให้ซื้อวันที่หุ้นลง ส่วนนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้วให้ถือยาวไป ซึ่งเดือนนี้ ตลาดหุ้นมีแนวรับอยู่ที่ 1,700 – 1,690 จุด และมีแนวต้านอยู่ที่ 1,740 และ 1,760 จุด ตามลำดับ

การลงทุนรอบนี้ ท่านนักลงทุนต้องใช้ความรู้ทั้ง 2 ด้าน ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐาน เพื่อเลือกตัวหุ้นที่จะซื้อ และ ทางด้านเทคนิค เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อ ถ้าหุ้นขึ้นรอบนี้ความมั่งคั่งไม่เพิ่ม เห็นทีต้องพิจารณาตัวเองครับ

ก่อนจากกัน ผมจะบอกว่า การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนทุกครั้ง พบกันใหม่เดือนหน้า สวัสดีครับ