สร้างโอกาสลงทุน กับ BSET100

สร้างโอกาสลงทุน กับ BSET100

สร้างโอกาสลงทุน กับ BSET100

หากนักลงทุนหน้าใหม่มีโอกาสได้พบ ปรมาจารย์ด้านการลงทุน อย่าง Warren Buffett ผู้คร่ำหวอดด้านเลือกหุ้นลงทุนระยะยาว และมีชื่อติดอันดับ Top Chart มหาเศรษฐี ที่จัดทำโดยนิตยสาร Forbes มาต่อเนื่อง ว่าควรจะลงทุนในสินทรัพย์แบบไหนดี แกก็จะตอบว่า Put 10% of the cash in short-term government bonds and 90% in a very low-cost S&P500 index fund” ก็คือ “เอาเงินของคุณลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น 10% ส่วนอีก 90% ให้ลงทุนใน S&P500 Index Fund” หรือกองทุนแบบ Passive Fund ซึ่งเป็นการลงทุนที่เน้นลงทุนให้ได้ผลลัพท์ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง

ทำไมกูรู ระดับตำนาน ที่ถนัดด้านการเลือกลงทุนรายบริษัท ยังแนะนำนักลงทุนหน้าใหม่ไม่ต้องคิดหาวิธีการเลือกหุ้นที่จะเอาชนะตลาด แต่ให้ลงทุนให้เหมือนตลาด ทั้งนี้ก็เพราะว่าในต่างประเทศมีการเก็บสถิติในระยะยาวแล้วพบว่าในระยะยาวแล้ว Passive Fund มีแนวโน้มจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า Active Fund และข้อดีอีกอย่างก็คือค่าธรรมเนียมถูก เนื่องจากผู้จัดการกองทุนไม่ต้องเสียเวลาเลือกหุ้น ไม่ต้องมีผู้จัดการกองทุนในการคิดกลยุทธ์ กระบวนท่าในการบริหารพอร์ทการลงุทน แค่ลงทุนด้วยสัดส่วนแบบเดียวกับดัชนีอ้างอิงเท่านั้นเอง ดัชนีจะปรับหุ้นตัวไหนเข้า หรือจะเอาตัวไหนออกก็ทำตามนั้น (โดยทั่วไปดัชนีมักจะปรับหุ้นเข้าออก 2 ครั้งต่อปี) และการที่ปรับพอร์ทในแต่ละครั้งก็ปรับนิดๆหน่อยๆ นั้นก็หมายความว่าการซื้อขายหุ้นในพอร์ทของกองทุนในแต่ละปีมีน้อยมากต้นทุนการซื้อขายของกองทุนจึงต่ำ เมื่อต้นทุนที่ต่ำกว่าในระยะยาวก็จะให้ผลตอบแทนโดยรวมที่สูงกว่า

อีกประการหนึ่งคือกองทุนดัชนีกระจายตัวการลงทุนได้ค่อนข้างดี โอกาสพลาด jackpot ไปลงทุนหุ้นแย่ๆ มี แต่จะได้รับผลกระทบน้อย เพราะกระจายความเสี่ยงได้ค่อนข้างดี ช่วยลดความเสี่ยงให้นักลงทุนได้มากโขซึ่งอันนี้สำคัญมาก หากคุณไปเลือกหุ้นเองรายตัวแล้วเลือกไม่เป็นโอกาสที่จะโดนหุ้นแย่ หุ้นมีปัญหาบริษัทเจ๊งจนทำให้ออกจากตลาดเลยก็ยังมีอยู่ถ้าคุณลงตัวนั้นตัวเดียวหาย100% ครับ แต่การที่ลงทุนในดัชนีกระจายการลงทุนที่ดี ดัชนีกระทบบ้างแต่ดัชนีก็ยังคงอยู่ โอกาสที่ดัชนีจะล้มหายตายจากเหมือนหุ้นรายตัวเป็นไปได้ยากมาก แต่การขึ้นการลงก็ตามสภาวะเศรษฐกิจและการลงทุน ดังนั้นดัชนีจอยู่คู่กับตลาดตลอดไปพูดง่ายๆว่าโอกาสเจ๊งหรือมูลค่าการลงทุนกลายเป็นศูนย์แทบเป็นไปไม่ได้เลย โดยรวมแล้วการลงทุนแบบ Passive Fund ตามดัชนีจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน

ดัชนีไหนดี

หากจะพูดถึงดัชนีในประเทศไทย หลายๆ ท่านก็จะต้องนึกถึงดัชนี SET,SET100 หรือ SET50 โดยในตลาดหุ้นไทยการสร้างดัชนีจะใช้การคิดคำนวนดัชนีแบบ market cap weighted (หุ้นที่มีมูลค่าสูง มีสัดส่วนในตลาดมากก็มีอิทธิพลต่อดัชนีสูง )  โดยดัชนี SET จะรวมหุ้นทุกตัวที่อยู่ใน SET มาคำนวณเป็นดัชนี ส่วน SET100 และ SET 50 จะเลือกเอาหุ้นที่มีขนาดใหญ่ 100 ตัว และ 50 ตัวตามลำดับ ดังนั้นดัชนี SET50 ก็จะเป็นดัชนีที่ล้วนแต่เป็นหุ้นใหญ่ทั้งหมดหรือที่เราเรียกกันว่า BLUECHIP STOCKS ส่วน SET100 มี 100 ตัวก็จะกว้างกว่า SET 50 ซึ่งก็จะมีหุ้นที่มี ไซส์ขนาดกลางมาบ้างครอบคลุมจำนวนหุ้นที่มากกว่า ดัชนี SET100 จึงให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี SET มาก และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในดัชนี SET50 

แต่อย่างไรก็ตามการซื้อหุ้นทั้ง 100 ตัวและถือไว้ก็ยังเป็นสิ่งที่ทำได้ยากและใช้เงินลงทุนสูงอยู่ดี ด้วยเหตุนี้จึงเกิดกองทุนรวมดัชนี SET100 ขึ้น  ซึ่งกองทุนรวมดัชนีนี้จะทำการซื้อและถือหุ้นในดัชนี SET100 จำนวน 100 ตัวแทนเรา!!  เพียงแค่ซื้อหน่วยลงทุนดังกล่าวก็จะมีสถานะเทียบเท่ากับการถือหุ้น 100 ตัวที่เป็นตัวแทนหลักของตลาดหุ้นทั้งตลาดแล้ว ช่วยให้การลงทุนเพื่อคาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ยในระยาวเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายและสะดวกซึ่งก็คือกองทุน BSET100 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุน มีผลงานล้อตามดัชนี SET100 ทำให้ผู้ลงทุนสร้างโอกาสเป็นเจ้าของ 100 บริษัทขนาดใหญ่ได้ง่ายๆด้วยการลงทุนผ่าน BSET100 ใช้เงินน้อยสร้างความมั่งคั่งระยะยาว และที่สำคัญกองทุนนี้ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ผู้ที่มีบัญชีหลักทรัพย์สามารถเคาะซื้อเคาะขาย แบบ Real Time จึงสะดวกมากและเป็นเครื่องมือหนึ่งที่น่าสนใจในการออมอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

**BSET100 เป็นกองทุนรวม ETF  โดย บลจ. บางกอกแคปปิตอล จำกัด บริษัทลูกของ บมจ. หลักทรัพย์บัวหลวง เป็นผู้ออก และบมจ. หลักทรัพย์บัวหลวง เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง ผู้ลงทุนจะต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน…