ส่งสัญญาณ คว่ำ‘ภาษีน้ำ’
พลันที่ไอเดียการจัดเก็บ“ภาษีน้ำ”ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ ตามมาด้วยการเตรียมยกพลเคลื่อนไหวของกลุ่มเกษตรกร
ฝั่งรัฐบาลก็เรียงหน้ากระดานออกมา“บอกปัด”เรื่องดังกล่าว
เริ่มจากเสียงของนายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านมาทางพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ
เอ่ยถึงการเสนอเรื่องดังกล่าวของ วรศาสน์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ว่า“ไปสั่งมันตอนไหน(วะ)”
ตอกย้ำด้วยเสียงจาก 2 รองนายกฯ ทั้งวิษณุ เครืองาม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยืนยันว่าจะไม่มีการเรียกเก็บค่าน้ำจาก“เกษตรกรรายย่อย”
ในขณะที่รายละเอียดของปัญหาก็คือการนิยามความหมายของคำดังกล่าว ยังเป็นที่เข้าใจและ“พอใจ”ไม่ตรงกัน
ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่ กรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง ออกมาจี้รัฐบาลนิยามให้ชัดเจน ว่าใครจะเข้าเกณฑ์แบบไหนอย่างไรกันบ้าง
โดยเฉพาะเนื้อหาจาก พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ มาตรา 39 ที่แบ่งประเภทการใช้น้ำไว้ 3 กลุ่ม
ประกอบไปด้วยกลุ่มแรก การใช้น้ำเพื่อการดำรงชีพ การอุปโภคบริโภคในครัวเรือน รวมทั้งการใช้น้ำตามจารีตประเพณี ซึ่งเป็นการใช้น้ำของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ ที่ไม่ต้องขออนุญาตและไม่เสียค่าใช้น้ำ
กลุ่มที่ 2 การใช้น้ำในปริมาณมากเพื่อการอุตสาหกรรม หรือการเกษตรเพื่อการพาณิชย์ การประปาสัมปทานการท่องเที่ยว และกลุ่ม 3 การใช้น้ำในปริมาณมากที่จะส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางหรือส่งผลกระทบข้ามลุ่มน้ำ
เรื่องนี้มีคำอธิบายจากฟาก“กฤษฎีกา” ว่ากฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นเพียงการจำแนกแยกกลุ่มเกษตรกรเท่านั้น
ส่วนอัตราการจัดเก็บจะถูกเขียนไว้ตาม“กฎกระทรวง”ในโอกาสต่อไป
เรื่องนี้คนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเห็นจะเป็นอธิบดีกรมน้ำ ที่จะเข้ามาบริหาร“หน่วยงานน้ำแห่งชาติ”
อาจถึงขั้น“ไปไม่เป็น”หลังจากนายกฯ ออกมาลอยตัวแสดงท่าทีไม่ข้องไม่เกี่ยวอย่างชัดเจน
เช่นเดียวกับ สนช.ที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ ค้างอยู่ระหว่างการพิจารณาในขั้นตอนการรับฟังความเห็น ที่มีการยอมรับตรงๆ ว่าการสำรวจ 29 จังหวัดที่ผ่านมาชาวบ้านก็ไม่เอาด้วย
แต่การพิจารณาก็คงยังต้องดำเนินการต่อไปให้“ครบถ้วนกระบวนความ”ไม่สามารถหยุดไปกลางคันได้
ทั้งที่อาจจะพอมองเห็นเค้าลางหรือจุดหมายปลายทางอยู่แล้วก็ตาม !!?