Passion for Excellence

Passion for Excellence

ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างผลงานในระดับนี้ได้ แต่ต้องอาศัย Passion for Excellence

เมื่อวันศุกร์ที่แล้วผมได้ไปดู 'สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล' ของคุณถกลเกียรติ วีรวรรณ (บอย) ซึ่งเป็นละครเพลงคือเป็นละครเวทีที่ใช้ทั้งการพูดและการร้องเพลงของตัวละครในการเดินเรื่อง

ผมได้ดูละครเพลงหรือละครเวทีแบบมิวสิคัลเป็นครั้งแรกเมื่อไปเรียนที่อเมริกา เพราะก่อนไปเรียนต่อที่อเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2525 นั้น ผมไม่เคยดูละครเวทีหรือละครเพลงมาก่อนเลย เคยได้ยินแต่ผู้ใหญ่เล่าให้ฟังหรืออ่านเจอจากหนังสือว่าในประเทศไทยเรามีละครเวทีและละครเพลงมานานแล้ว แต่หลังจากที่มีโรงภาพยนตร์เกิดขึ้นจำนวนมากและคนส่วนใหญ่หันไปชื่นชอบการดูภาพยนตร์มากกว่า
โรงละครที่มีอยู่ในขณะนั้นจึงได้ทยอยปิดตัวลงจนเรียกได้ว่าหาละครเวทีหรือละครเพลงดูเป็นเรื่องเป็นราวในกรุงเทพมหานครไม่ได้อีกต่อไป

ละครเวทีแบบมิวสิคัลที่ผมได้ดูเรื่องแรกคือ Cats (The Musical) ซึ่งแสดงอยู่ในโรงละครแถวถนน Broadway ในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นถนนที่มีโรงละครอยู่จำนวนมากจนเป็นที่มาของการเรียกละครประเภทนี้ว่า “ละครบรอดเวย์” และหลังจากนั้นผมก็ได้หาโอกาสไปชมละครเวทีแบบมิวสิคัลเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่องทั้งที่นิวยอร์กและลอนดอน ซึ่งมีแฟนละครรวมทั้งนักท่องเที่ยวที่ต้องการได้ประสบการณ์จากการดูละครเป็นจำนวนมาก

ผมได้ดูละครเวทีแบบมิวสิคัลของไทยเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2550 โดยได้ไปดู 'ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล' อันเป็นผลงานของคุณบอยเช่นเดียวกัน ซึ่งแม้ว่าในขณะนั้นคุณบอยจะมีประสบการณ์มาไม่นานนักเพราะเพิ่งสร้างละครเพลงมาก่อนหน้านั้นเพียง 2-3 เรื่อง ผมก็ยังทึ่งในฝีมือและผลงานของ

คุณบอยมาก และหลังจากนั้นก็ได้ติดตามไปดูละครเพลงของคุณบอยมาเกือบทุกเรื่อง จนกระทั่งถึง 'สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล' เรื่องล่าสุด ซึ่งเป็นการนำละครเพลงที่เคยจัดการแสดงมาแล้วเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อนมาสร้างใหม่ แต่แม้ว่าผมจะได้เคยไปดูละครเรื่องนี้ในครั้งนั้นมาแล้ว ผมก็ยังอยากที่จะไปดูอีกในครั้งนี้ และเมื่อได้ไปดูก็ได้รับความสุขคุ้มค่าตามที่ตั้งความหวังไว้

นอกจากละครเพลงแล้ว คุณบอยยังเป็นผู้สร้างละครโทรทัศน์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วย โดยละครเรื่อง 'พิษสวาท' ของคุณบอยซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง ONE (HD 31) เมื่อไม่นานมานี้สามารถทำเรตติ้งจำนวนผู้ชมชนะช่อง 3 และช่อง 7 ซึ่งเป็นแชมป์อยู่เดิมได้ อันถือเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดและน่าทึ่งเป็นอย่างมากสำหรับผม

ผมได้มีโอกาสทำงานกับคุณบอยเป็นครั้งแรกเมื่อผมได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการของบริษัท
จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) (GMM) เพราะในช่วงเวลาเดียวกันนั้นคุณบอยก็เป็นกรรมการของ GMM อยู่ด้วย ซึ่งหลังจากที่ทั้งคุณบอยและผมต่างก็ได้พ้นจากการดำรงตำแหน่งกรรมการของ GMM มาแล้ว แต่ก็มามีโอกาสได้เจอกันในการทำงานอีกเมื่อผมได้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับการที่บริษัทในกลุ่มของตระกูลปราสาททองโอสถได้เข้ามาร่วมลงทุนในสถานีโทรทัศน์ช่อง ONE (HD 31) ซึ่งมี GMM และคุณบอยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ ตามที่เป็นข่าวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว

ผมพบว่าคุณบอยไม่ค่อยพูดมากนักในการประชุมร่วมกัน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณบอยพูดถึงงานด้านละครนั้น น้ำเสียงของคุณบอยจะเปลี่ยนจากการพูดเนิบๆ เป็นการพูดแบบใส่ความรู้สึกที่ทำให้ผู้ฟังสามารถรับรู้ได้ถึงความกระตือรือร้นที่จะได้ทำงานที่กำลังพูดถึง ความเติมเต็มที่ได้ทำงานที่เสร็จไป หรือแม้กระทั่งความเหนื่อยยากลึกๆ ในการทำงานที่ทำอยู่แต่ยังมุ่งมั่นไม่ท้อถอย

สิ่งที่ผมสัมผัสมานี้รวมทั้งผลงานที่ผ่านมาของคุณบอยนั้นไม่เพียงแต่แสดงออกถึง “ความรักในงานที่ทำ” (Love What You Do) ของคุณบอย แต่เป็น “ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำสิ่งที่เป็นเลิศ” (Passion for Excellence) ผมจึงรู้สึกเสียดายที่แม้คุณบอยจะมีแฟนละครเพลงอยู่แล้วจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ละครเพลงแต่ละเรื่อง ซึ่งผมเชื่อว่าล้วนถูกสร้างขึ้นมาด้วย Passion for Excellence ของคุณบอย สามารถยืนโรงอยู่ได้เป็นปีหรือกว่าสิบปี เล่นกันเป็นพันๆ รอบแบบละครบรอดเวย์หลายเรื่อง เช่น Cats, The Phantom of the Opera, Les Miserable, The Lion King ฯลฯ ผมจึงอยากให้ผู้ที่ไม่เคยได้ดูละครเวทีแบบมิวสิคัลของไทยได้ลองไปดูกัน เริ่มจาก 'สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล' ก็ได้ ผมเชื่อว่าเราจะเข้าใจว่าการอาศัยเพียง Love What You Do ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างผลงานในระดับนี้ได้ แต่ต้องอาศัย Passion for Excellence เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ

ในหนังสือ A Passion for Excellence ของ Tom Peters มีข้อความต่อไปนี้ ซึ่งผมเห็นว่าสะท้อนความจริงเกี่ยวกับคนแบบคุณบอยได้เป็นอย่างดี ... A passion for excellence is not a job. It’s a personal commitment.