“รู้ทันความเสี่ยง ปรับเปลี่ยนการลงทุน”

“รู้ทันความเสี่ยง ปรับเปลี่ยนการลงทุน”

“รู้ทันความเสี่ยง ปรับเปลี่ยนการลงทุน”

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน

การกำหนดกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ มีความยากลำบากมากขึ้น หลังจากที่สถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ส่งสัญญาณรุนแรงมากขึ้น ประกอบกับในช่วงเดือน ก.ย.นี้มีเหตุการณ์ที่สำคัญ ที่นักลงทุนเฝ้าจับตามอง และมีผลต่อการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆ ค่อนข้างมาก

หากเราย้อนกลับไปดูกลยุทธ์การลงทุนในช่วงต้นปี นักลงทุนส่วนใหญ่จะให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นมากกว่าตลาดตราสารหนี้ และทองคำ เนื่องจาก เศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น นำโดยเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีความหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของคุณทรัมป์ เศรษฐกิจยุโรปเริ่มขยายตัวดีขึ้น โดยผลกระทบจากการออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) ยังมีไม่มากนักในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังสามารถเติบโตได้ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวชะลอลง แต่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ในส่วนของตลาดตราสารหนี้ และทองคำนั้น ถูกให้น้ำหนักการลงทุนลดลง เนื่องจาก ความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการปรับลดขนาดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) รวมทั้งการปรับลดวงเงินที่ใช้ในการเข้าซื้อพันธบัตรของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

นับตั้งแต่ต้นปี การลงทุนในหุ้นได้สร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้มากตามที่ได้คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนเม.ย. ที่ได้เริ่มมีความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือเกิดขึ้น ความผันผวนในตลาดการเงินการลงทุนก็ได้เพิ่มขึ้นสูงขึ้นตาม ทำให้นักลงทุนได้เคลื่อนย้ายเงินลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่น เงินเยน เงินสวิสฟรังก์ พันธบัตรรัฐบาล รวมทั้งทองคำเพิ่มมากขึ้น และได้ทำให้ตลาดหุ้นลดช่วงบวกลง

สถานการณ์การลงทุนในเดือน ก.ย. นี้ มีความแตกต่างจากเดือนอื่นๆ โดยมีเหตุการณ์ที่สำคัญ ที่นักลงทุนเฝ้าจับตา และมีผลต่อการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆ ค่อนข้างมาก ได้แก่

๐ ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุด เกาหลีเหนือได้ประสบความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและสามารถบรรจุเข้าไปในขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) นอกจากนี้ นลท.กังวลว่าเกาหลีเหนืออาจจะทำการทดลองยิงขีปนาวุธในวันเสาร์ 9 ก.ย. เพื่อเฉลิมฉลองวันก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ซึ่งหนทางในการคลี่คลายอย่างสันติวิธีก็มีค่อนข้างน้อย เห็นได้จากการที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกมาเตรียมพร้อมตอบโต้ทางการทหาร และประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาประกาศว่า สหรัฐฯ กำลังพิจารณาจะคว่ำบาตร และจะระงับธุรกรรมทางการค้ากับทุกประเทศที่ดำเนินธุรกิจกับเกาหลีเหนือ ขณะที่กองทัพเรือเกาหลีใต้ก็ได้ทำการซ้อมรบด้วยกระสุนจริง เพื่อแสดงแสนยานุภาพของกองทัพและตอบโต้เกาหลีเหนือ

๐ ประเด็นการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ และการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว (Continuing Resolution) ก่อนต้นเดือนต.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดการทำงานของหน่วยงานราชการในสหรัฐฯ (Government Shutdown) และ การผิดนัดชำระหนี้ (Default) ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนวิตกกังวล และกดดันให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงได้ในระยะสั้นเหมือนที่เคยเกิด Government Shutdown ขึ้นในปี 2013 สมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีโอบามา

๐ การประชุม Fed ในวันที่ 19-20 ก.ย. ที่คาดว่าจะมีการประกาศปรับลดขนาดงบดุลจากเดิมอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สรอ. และเริ่มใช้ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการดูดสภาพคล่องออกจากระบบ แม้ในเบื้องต้นตลาดคาดว่าการปรับลดขนาดงบดุลของ Fed น่าจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดได้ ขณะที่แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในช่วงที่เหลือของปีเริ่มมีน้อยลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ Fed บางส่วนยังกังวลต่อเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำมาก

จากปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้กลยุทธ์การลงทุนจากนี้ ควรต้องลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลงบ้าง อีกทั้งนับแต่ต้นปีมา การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 15-20% ตามแต่ละประเภทของสินทรัพย์ จึงเป็นโอกาสที่จะทยอยขายทำกำไร และเป็นการเตรียมสภาพคล่องไว้ลงทุนในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลงจากความผันผวน ซึ่งยังเชื่อว่าความตึงเครียดที่เกิดขึ้นทางด้านการเมืองโลกในช่วงเวลานี้ไม่น่าที่จะขยายผลออกไปจนเกิดความรุนแรง เนื่องจากไม่มีประเทศใดได้รับผลประโยชน์หากเกิดความรุนแรงเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน ปัจจัยกดดันดังกล่าวจึงเป็นโอกาสเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเมื่อตลาดปรับลดลง นอกจากนี้ ในด้านตลาดการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับที่ช้าลง ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่น่าจะช่วยสร้างโอกาสในการลงทุนหลังจากนี้ต่อไปได้ อย่างไรก็ดี สินทรัพย์ที่เหมาะสมที่จะช่วยเสริมการลงทุนในช่วงเวลานี้ เพื่อเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงของการลงทุน ได้แก่ ทองคำ หุ้นกลุ่มพลังงาน หรือกลุ่มอาวุธยุทโธปกรณ์ค่ะ