ฉีกตำรา‘มาร์เก็ตติ้ง’

ฉีกตำรา‘มาร์เก็ตติ้ง’

เข้าใจว่าผู้อ่านเกือบจะทุกท่าน น่าจะผ่านหูผ่านตาวิชาการตลาดกันเกือบทุกคน บางคนถึงขั้นต้องใช้อยู่เกือบจะทุกวัน จากหน้าที่ การงานที่ทำอยู่

โดยส่วนใหญ่แล้ว วิชาการตลาดที่เราเรียน ที่เราใช้กันนั้น มีพื้นฐานมาจาก Philip Kotler ปรมาจารย์ทางด้านการตลาดของโลก ว่ากันด้วยกลยุทธ์ทางการตลาด 4P , Product – Price – Place – Promotion

แต่พอก้าวมาสู่ยุคดิจิทัลครองเมือง ก็มีการปรับปรุงทฤษฎีกันใหม่ ล่าสุด Philip Kotler ออกหนังสือ Marketing 4.0 พูดถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล

ล่าสุดมีการพูดการพูดกันอย่างเป็นวงกว้างในต่างประเทศว่า ทฤษฎีที่เราใช้ๆกันมา ถึงเวลาล้างไพ่ครั้งใหญ่ในเวลาอีกไม่กี่ปีที่จะถึงนี้

เนื่องด้วยสารพันเทคโนโลยี ที่เติบโตเร็วแบบก้าวกระโดด  เช่น AI, VR, VRS, holography, real-time marketing, drones (UAVs), wearables, autonomous technologies, marketing technologies , data scientists, 3D printing และอื่นๆอีกมากมาย จะทำให้ขั้นตอนในการทำการตลาดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง 

จากการตลาดแบบเดิมซึ่งอาศัยความคิดสร้างสรรค์และการจัดการ กลายมาเป็นระบบการตลาดแบบเชิงโรงงาน สามารถวางแผนวิเคราะห์ข้อมูลและทำงานทั้งหมดด้วยระบบ AI แบบอัตโนมัติ โดยแทบไม่ต้องมีคน มาช่วยวางแผนการตลาดเลย

จริงๆ สำหรับผู้สูงอายุบางคนอาจจะเคยผ่านยุคการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มาก่อน ยุคที่หนังสือพิมพ์ เข้ามาแทนสภากาแฟ หรือชาวบ้านซุบซิบในตลาด, ยุคที่วิทยุ เข้ามาเบียดบังทาบรัศมีหนังสือพิมพ์ หรือจะเป็นยุคที่โทรทัศน์ เข้ามามีบทบาทสำคัญ จนทำให้สื่อวิทยุและหนังสือพิมพ์ ต้องปรับตัวครั้งใหญ่

แต่การเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งนี้ จะส่งผลกระทบมากกว่าครั้งที่ผ่านๆ มาอย่างแน่นอน เพราะโลกของเราเชื่อมต่อกันด้วยอินเทอร์เน็ต โยงไยกันและกัน ปรากฏการณ์ครั้งนี้ น่าจะสั่นสะเทือนและเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วแบบคาดไม่ถึง

อะไรคือ“ระบบการตลาดแบบเชิงโรงงาน”

ขออธิบายแบบง่ายๆ โดยยกตัวอย่างเป็น “ช่างตัดรองเท้า” ครับ สมัยก่อน เวลาเราจะตัดรองเท้าสักคู่ ช่างตัดรองเท้าจะทำการวัดเท้าเราอย่างละเอียด ถามชื่อ เก็บความต้องการส่วนตัวของเรา อยากได้ทรงไหน แบบไหน วัสดุอะไร ช่วงราคาประมาณเท่าไหร่ แถมช่างตัดรองเท้าคนไหนที่ฝีมือเก๋าๆหน่อย อาจจะมีการขอดูรองเท้าคู่เก่าที่ใส่อยู่ เพื่อดูระดับความสึกกร่อนของรองเท้า เพื่อจะออกแบบตัดรองเท้าคู่ใหม่ที่ดีที่สุดให้เรา

ในยุคก่อน ช่างตัดรองเท้าในลักษณะนี้ อาจจะทำรองเท้าได้ในจำนวนจำกัด วันหนึ่งอาจจะได้แค่ 1-2 คู่

แต่ด้วยเทคโนโลยี ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต การผลิตรองเท้าแบบช่างตัดรองเท้าสมัยก่อน จะสามารถทำได้อย่างง่ายดาย ในต้นทุนที่ต่ำมากๆ แถมยังมีความเร็วชนิดที่คาดไม่ถึง โดยโรงงานจะผลิตรองเท้า โดยอาศัยข้อมูลที่เราเปิดเผยให้และจะเริ่มลงมือทำการผลิตก็ต่อเมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามาก่อนเท่านั้น เรียกได้ว่าไม่ต้องมีการผลิต เพื่อสต็อกสินค้ากันเลยทีเดียว

ไม่ใช่แค่รองเท้านะครับ สินค้าที่ไม่ได้มีขบวนการผลิตสลับซับซ้อนมาก เช่น เสื้อผ้า , กระเป๋า , เข็มขัด , เครื่องสำอาง , วิตามินสุขภาพ , เครื่องประดับตกแต่ง , ฯลฯ กำลังจะใช้เทคโนโนโลยีการผลิตแบบนี้เช่นกัน

อยากให้ลองเข้าไปดูเทคโนโลยีการสแกนเก็บข้อมูลของ shapescale.com

อีกไม่นานนัก ผมมั่นใจมากว่า การสแกนเก็บข้อมูลส่วนตัวแบบ Shapescale.com จะสามารถทำได้ฟรีๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งบรรดาแบรนด์หรือเจ้าของโรงงานผลิตสินค้าจะเสนอการสแกนเก็บข้อมูลให้กับเรา

หลังจากที่แบรนด์ได้ข้อมูลจากเราไป แบรนด์ก็จะทยอยนำเสนอสินค้า ที่ผลิตขึ้นมาเฉพาะคุณโดยเฉพาะ โดยสินค้าที่ถูกคัดเลือกนำมาโฆษณา ผ่าน โซเชียล มีเดีย ที่คุณอ่านอยู่ ก็ดูเหมือนว่าจะรู้ใจคุณไปเสียทุกอย่าง

คุณอาจจะประหลาดใจว่า “เอ …. รู้ได้ยังไงว่าเรากำลังอยากได้รองเท้าวิ่ง? หรือ “เอ…. รู้ได้ยังไงว่า กำลังอยากลดความอ้วน”

ทั้งนี้ เป็นเพราะเทคโนโลยี Data Management Platform ( DMP ) ที่จะตามจับ ตามอ่านพฤติกรรมทุกๆอย่างของคุณบนอินเทอร์เน็ต แล้วนำไปวิเคราะห์ผ่านระบบบิ๊ก ดาต้า โดยใช้ AI ทำให้ระบบโฆษณาสามารถรู้ได้ทันทีว่า ควรจะส่งโฆษณาอะไรให้คุณดู ที่จะสร้างโอกาสขายของกับคุณได้มากที่สุด

เมื่อสินค้าถูกออกแบบให้เหมาะสมกับคนแต่ละคนโดยเฉพาะ วิธีการทำการตลาดแบบ Mass Communication ย่อมจะค่อยๆลดความสำคัญลงในที่สุด

วิธีการทำการตลาดแบบเดิมๆ จะเริ่มสั่นคลอน ….เพราะขบวนการผลิต ขบวนการโฆษณา และขบวนการจัดจำหน่าย ถูกเชื่อมเข้าหากันด้วยเทคโนโลยี

Product ที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ

Price ที่มีทุกระดับที่คุณต้องการ

Place ที่สามารถสั่งของได้ทุกที่ ผ่านช่องทางออนไลน์

Promotion ที่จัดมาเพื่อคุณเพียงคนเดียว

ไม่ใช่โลกแห่งความฝันนะครับ แต่มันกำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้แน่นอน ….