“พันธบัตรป่าไม้” กลไกการคลังฟื้นป่าเศรษฐกิจ

“พันธบัตรป่าไม้” กลไกการคลังฟื้นป่าเศรษฐกิจ

ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง จาก พ.ศ. 2504 มีพื้นที่ป่า 171.0 ล้านไร่ คิดเป็น 53.3% ของพื้นที่ทั้งประเทศ

ใน พ.ศ. 2558 มีพื้นที่ป่าไม้เหลืออยู่เพียง 102.1 ล้านไร่ หรือคิดเป็น 31.6%

ในขณะที่ ประเทศไทยมีนโยบายป่าไม้แห่งชาติกำหนดให้มีพื้นที่ป่าไม้ทั่วประเทศ 40% ของพื้นที่ประเทศ แบ่งเป็นป่าเพื่อการอนุรักษ์ 25% และป่าเพื่อเศรษฐกิจ 15% ดังนั้นประเทศไทยต้องพื้นฟูพื้นที่ป่าไม้ให้กลับคืนมาอีก 7% หรือคิดเป็นพื้นที่มากถึง 26 ล้านไร่ จึงจะเป็นไปตามเป้าหมาย

ประชากรขยายตัว และปลูกพืชเชิงเดี่ยวคือปัจจัยสำคัญทำให้พื้นที่ป่าหายไป

การเผชิญกับการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้อย่างต่อเนื่อง มีสาเหตุสำคัญเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรที่ก่อให้เกิดความต้องการใช้ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการทำการเกษตรเพิ่มขึ้น นำไปสู่การบุกรุกทำลายป่ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบุกรุกทำลายป่าในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากการขยายตัวของการปลูกพืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยวเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เช่น การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และการปลูกยางพารา ซึ่งการฟื้นฟูพื้นที่ป่าและระบบนิเวศป่าไม้ให้กลับมา ต้องการการลงทุนและการเฝ้าดูแลอย่างต่อเนื่อง

มาตรการที่ดีควรส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว

การเพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์สามารถดำเนินการให้มีพื้นที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ด้วยการประกาศเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพิ่มขึ้น แต่ปัญหาสำคัญคือต้องสูญเสียพื้นที่ป่าเศรษฐกิจ ซึ่งก็คือพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ดังนั้น การฟื้นฟูพื้นที่ป่าเศรษฐกิจจึงกลายเป็นอีกภารกิจสำคัญของประเทศ

แนวทางการส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจในต่างประเทศที่น่าสนใจ ซึ่งเผชิญปัญหาคล้ายกับประเทศไทย คือ ประเทศคอสตาริก้า ด้วยพื้นที่ป่าของคอสตาริก้าเคยลดลงจาก 58% มาเหลือเพียง 21% ใน พ.ศ. 2529 ด้วยสาเหตุสำคัญ คือ การบุกรุกป่าเพื่อตัดไม้ขาย และการทำการเกษตรที่มีการปลูกพืชเชิงเดี่ยวและการเลี้ยงวัวจำนวนมาก

ภาครัฐของประเทศคอสตาริก้าแก้ไขปัญหานี้ โดยมีนโยบายส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้ใน พ.ศ. 2555 หรือในช่วง 20 ปี คอสตาริก้ามีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นเป็น 53% ของพื้นที่ทั้งหมด

กลไกการดำเนินการเพิ่มพื้นที่ป่าของประเทศคอสตาริก้า คือ การจัดตั้งกองทุนป่าไม้เพื่อระดมทุนจากการจัดเก็บเงินรายได้จากภาษีน้ำมัน การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้น้ำ เพื่อนำเงินมารักษาและเพิ่มพื้นที่ป่า และการลดการอุดหนุนการเลี้ยงวัว อีกทั้งเจ้าของพื้นที่ที่ปลูกป่ามีแรงจูงใจจากการได้ลดภาษี นอกจากการมีพื้นที่ป่าไม้เพิ่มขึ้น ยังทำให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่และสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่อีกด้วย

สำหรับประเทศไทย การฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้อาจอาศัยกลไกลักษณะคล้ายกับคอสตาริก้า ด้วยกลไกจูงใจให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์ร่วมกันผ่านกลไกทางการคลัง เพื่อนำไปสู่การฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้อย่างยั่งยืน นั่นคือ “พันธบัตรป่าไม้”

กลไกพันธบัตรป่าไม้ สร้างสมดุลเชิงพาณิชย์และการอนุรักษ์ป่า

พันธบัตรป่าไม้เป็นกลไกทางการคลังรูปแบบใหม่ ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงปัจจัยการผลิตเพื่อการฟื้นฟูพื้นที่ป่าและระบบนิเวศป่าไม้อย่างยั่งยืน ได้แก่ ที่ดิน แรงงาน เงินทุน และ ความต้องการใช้ไม้เชิงพาณิชย์ และนำไปสู่การแก้ปัญหาการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ของประเทศ โดยการระดมทุนและทรัพยากรจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อปลูกป่าเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เนื่องจากการปลูกป่าเศรษฐกิจเป็นการดำเนินธุรกิจที่มีผลกำไรจึงทำให้การปลูกป่าเศรษฐกิจสามารถทำหน้าที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญสำหรับเกษตรกรเพื่อทดแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว

ในช่วงการดำเนินงานของการปลูกป่าเศรษฐกิจ กลไกพันธบัตรป่าไม้จะมีการจัดเก็บรายได้จากผู้ที่ได้ประโยชน์จากป่าเศรษฐกิจเพื่อนำรายได้มาจ่ายให้กับผู้ทำหน้าที่ปลูกป่าและดูแลป่า และนำมาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนที่มาจากหลากหลายแหล่ง เช่น รายได้จากการขายไม้เศรษฐกิจแบบผสมผสาน รายได้ที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้น้ำสำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ รายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตหรือรายได้จากป่าไม้ที่ทำหน้าที่เก็บกักคาร์บอน และรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นต้น

นอกจากนี้ กลไกพันธบัตรป่าไม้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ในสังคม คือประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการลงทุนในพันธบัตร เกษตรกรมีส่วนร่วมในการเป็นผู้ปลูกป่าและผู้ดูแลป่าไม้ และการมีองค์กรที่ทำหน้าที่ดูแลป่าไม้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

รูปแบบการดำเนินการพันธบัตรป่าไม้ที่มีความเป็นไปได้สำหรับประเทศไทยต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญ ได้แก่ การปลูกป่าเศรษฐกิจแบบผสมผสาน การจัดตั้งกองทุนเพื่อระดมเงินทุนจากนักลงทุน เงินสมทบจากภาครัฐและต่างประเทศ และเงินบริจาค การดำเนินการโดยภาคเอกชนในการสนับสนุนเงินทุนให้บริษัทเอกชนโดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการการปลูกป่าเศรษฐกิจร่วมกับชุมชนในพื้นที่ การจัดการแบบชุมชนป่าไม้เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชุมชน และพัฒนาคุณภาพชีวิต อีกทั้ง ภาครัฐต้องมีการปรับปรุงกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เอื้อต่อการดำเนินพันธบัตรป่าไม้ในรูปแบบป่าเศรษฐกิจ