ร้านขายของชำ...ทำให้ราคาบ้านแพงขึ้น

ร้านขายของชำ...ทำให้ราคาบ้านแพงขึ้น

ร้านขายของชำ...ทำให้ราคาบ้านแพงขึ้น

สารภาพตามตรงว่า เมื่อก่อนวันที่ 15 มิ.ย.2560 ผมไม่เคยได้ยินชื่อของ “Whole Foods Markets” (สมัยผมคุ้นเคยแต่พวก Albertsons และ Sam’s Club) มาก่อน จนกระทั่งได้มีข่าวว่า บริษัท Amazon.com บริษัท E-Commerce อันดับหนึ่งของโลกได้ยื่นข้อเสนอเป็นเงินสด (Cash Deal) ที่จำนวน 13,700 ล้านดอลลาร์ (หรือ ประมาณ 450,000 ล้านบาท) เพื่อที่จะซื้อบริษัท “Whole Foods Markets” (หรือ NASDAQ:WFM) คิดเป็นราคาที่ 42 ล้านเดอลลาร์ ต่อหุ้น คิดเป็น 27% Premium จากราคาตลาด ณ ขณะนั้น

การเข้าซื้อดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสการตื่นกลัวของผู้คนในวงการค้าปลีกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Teaser ของ Amazon Go ที่ถูกปล่อยออกมากก่อนหน้า ภายใต้ Motto - No Lines. No Checkout. No, Seriously. ไปแล้ว (ดูได้ใน www.youtube.com/watch?v=NrmMk1Myrxc)

“Whole Foods Markets” เป็น Grocery Store (หรือ ร้านขายของชำ) ที่เน้นขายสินค้า Organic หรือ สินค้าประเภทเกษตรอินทรีย์ ที่ไม่มีการใช้สารเคมี โดย Whole Foods Markets เริ่มจากร้านขายของชำเล็กๆ ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ เมื่อ ปี 2523 ซึ่งปัจจุบัน Whole Foods Markets มีสาขาเป็นจำนวน 468 ร้านใน 3 ประเทศ มียอดขายและกำไรสุทธิในปี 2559 กว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ และ 500 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ (ข้อมูลจาก www.wholefoodsmarket.com)

สำหรับคู่แข่งที่ชัดเจนที่สุดของ “Whole Foods” ในปัจจุบัน ก็คือ “Trader Joe’s” (ที่มีชื่อตามผู้ก่อตั้งซึ่งคือ Mr. Joseph “Joe” ซึ่งก็ไม่รู้ชื่อ Trader มาจากไหน ทำให้ตอนแรกผมนึกว่าพี่ Joe แกเป็นนักเทรด) Grocery Store ที่เน้นขายของที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Environmentally Friendly) ที่มีสาขา 465 ร้าน (เทียบกับ Whole Foods ที่มี 468 ร้าน) โดยมุ่งเน้นจะเป็น “your neighborhood grocery store” ซึ่งในการนี้ เว็บไซต์ businessinsider.com ได้ทำการเปรียบเทียบร้านทั้ง 2 นี้ในบทความ “We visited Whole Foods and Trader Joe's to see which one is better - and the winner is clear” (16มิ.ย.2560)

ประเด็นของผมในวันนี้ไม่ใช่ประเด็นเรื่องใครดีกว่ากัน ไม่ใช่ประเด็นเรื่องผลกระทบจาก Amazon.com ครับ แต่เป็นประเด็นที่ผมได้ไปเห็นบทวิจัยเกี่ยวกับของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ “Zillow Group” หรือ NASDAQ:ZG ในสหรัฐฯ ได้ทำไว้ เกี่ยวกับอิทธิพลของ ร้าน “Whole Foods” และ “Trader Joe’s” ต่ออสังหาริมทรัพย์ในบริเวณแถว ๆ นั้น

โดยอ้างอิงจาก บทความเรื่อง “Whole Foods & Trader Joe’s Provide a Healthy Boost to Nearby Homes” ของ Zillow เมื่อ 16 มิ.ย. 2560 สามารถสรุปได้ว่า

ณ ปี 2540 บ้านบริเวณใกล้ร้าน Whole Foods และ Trader Joe’s (ภายในรัศมี 1 ไมล์ หรือประมาณ 1,600 เมตร) มีราคาเฉลี่ยที่ 157,000 ดอลลาร์ และ 164,000 ดอลลาร์ ตามลำดับ ขณะที่ราคาบ้านเฉลี่ยในสหรัฐอยู่ที่ 103,00 ดอลลาร์ 

ณ สิ้นปี 2557 บ้านบริเวณใกล้ร้าน Whole Foods และ Trader Joe’s มีราคาเฉลี่ยที่ 376,200 ดอลลาร์ และ 406,600 ดอลลาร์ ตามลำดับ ขณะที่ราคาบ้านเฉลี่ยในสหรัฐอยู่ที่ 177,000 ดอลลาร์ 

ระหว่างปี 2540 ถึง 2557 บ้านบริเวณใกล้ร้าน Whole Foods และ Trader Joe’s ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 140% และ 148% ตามลำดับ ขณะที่ราคาบ้านเฉลี่ยในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 71%

โดยเมื่อนับตั้งแต่วันแรกที่ Chain ทั้ง 2 เปิดร้าน บ้านบริเวณแถว ๆ นั้นจะเริ่มมีราคาเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยเร็วกว่าบ้านในบริเวณอื่น ๆ ในเมืองเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ราคาบ้านบริเวณแถว ๆ นั้น ไม่ได้เคลื่อนไหวแตกต่างไปจากบริเวณอื่น ๆ ทั้งนี้ Whole Foods และ Trader Joe’s ส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าไปเปิดร้านในบริเวณที่บ้านแพงอยู่แล้ว

ย้อนกับมาดูที่บ้านเรา ผลของการที่ห้างสรรพสินค้า และ/หรือ Modern Trade เข้าไปเปิดในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ก็น่าจะส่งผลในทำนองเดียวกัน แต่ถึงอย่างไร ก็น่าไม่น่าจะส่งผลบวกแรงเท่ากับ ผลที่เกิดจากโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟฟ้า หรือ สนามบิน ซึ่งเป็นเหตุให้มีการพูดถึงหลักการ “ภาษีลาภลอย” มากขึ้นในปัจจุบัน