ค่าเงินโลกยังรวน เงินบาท offside

ค่าเงินโลกยังรวน เงินบาท offside

ค่าเงินโลกยังรวน เงินบาท offside

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน สังคมไทยเราอยู่คู่กับความเชื่อเรื่องโชคลางมายาวนานชนิดที่เรียกว่าฝั่งรากลึก สะท้อนผ่านรายการทีวีธุรกิจทำนายทายทักที่มีอยู่เป็นล่ำเป็นสัน โดยส่วนตัวผู้เขียนเคยมีประสบการณ์หลายครั้งครับที่มีคนทำนายทายทักถูกบ้างไม่ถูกบ้าง แม่นบ้างมั่วบ้าง ตามแต่โอกาสไป แต่ครั้งหลังสุดดูจะแม่นเอามากๆ เรียกได้ว่าทายปุ๊บเกิดปั๊บเร็วทันใจกันแบบตั้งตัวไม่ติด

กล่าวถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะสนใจ อยากทราบว่าไปดูหมอที่ไหน อันนี้ต้องขอออกตัวเลยครับไม่เคยไปเข้าสำนักดูดวงที่ไหน แต่มักจะเจอแบบทักกันลอยๆ เดินสวนกันบังเอิญเจอกันก็ทายทักกันไป โดยส่วนมากผมก็ฟังผ่านๆ ตามนิสัยนักการเงินที่มักเชื่อหลักเหตผลมากกว่าเรื่องโชคลาง แต่เมื่อย้อนดูนะครับ เรื่องดีๆ หรือเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นมันมักจะมาแบบเป็น combo เรียกได้ว่าเวลาดีก็มีมาแบบติดๆ เวลาดวงจะตกก็ตกกันแบบรัวๆ แต่ให้กล่าวโดยสรุปชีวิตคนเรามีขึ้นมีลงครับสลับสับเปลี่ยนกันไป ล่าสุดเพิ่งได้ดูผลงานบอลไทยใน King Cup ที่ผ่านมาเหมือนๆ ก็จะเริ่มเข้าสู่ขาขึ้นอีกครั้ง เห็นไหมครับมีขึ้นก็มีลงกับเศรษฐกิจก็เช่นกัน

เศรษฐกิจไทย...แม้ว่าจะไม่ได้มีส่วนใดที่ดูจะโดดเด่นจนน่าตื่นตาแต่ก็ต้องยอมรับว่าหลายส่วนก็ดูจะมีสัญญาณที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนจากต่างประเทศ การส่งออกหรือการลงทุนภายในเอง นอกจากนี้ นโยบายหลายตัวที่เริ่มขับเคลื่อนผ่านรัฐบาลเมื่อ 1-2 ปีที่แล้ว ก็เริ่มทยอยเห็นผลกัน เอาสรุปก็อาจจะเรียกว่าเศรษฐกิจเริ่มแข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ และถ้าจะพูดถึงเรื่องการ “แข็ง” ค่าเงินบาทก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่มีผลต่อเศรษฐกิจรวมถึงตลาดการลงทุน

ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าติดต่อกันมาสักระยะ ที่มาสำคัญของการแข็งค่าไม่ได้มาจากตัวเศรษฐกิจภายในประเทศโดยตรง แต่มาจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เองสะท้อนผ่านการปรับตัวแข็งค่าของค่าเงินในภูมิภาคเดียวกับเราและอีกหลายประเทศสำคัญ แต่กระนั้นไทยแลนด์เราก็ยังแข็งค่าล้ำหน้าแซงชาติในอาเซี่ยนล่าสุดแข็งค่าหลุด 33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯไปเป็นที่เรียบร้อย แข็งค่าเทียบดอลลาร์สูงสุดในรอบกว่า2 ปี

ซึ่งการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า ไม่ใช่เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ หลังจากที่ผู้นำคนใหม่ที่คาดเดาไม่ได้สร้างทิศทางเศรษฐกิจการเมืองที่คาดเดาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายสุดโต่งที่มีผลต่อการค้าระหว่างประเทศความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมไปถึงสงครามสื่อที่โดนัลด์ ทรัมป์ เผชิญมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเริ่มที่จะลดทอนคะแนนนิยมในตัวเขาลง นอกจากนี้ระบบการเงินโลกมีความแปรปรวนมาพักใหญ่หลังการกระตุ้นเศรษฐกิจและทำสงครามค่าเงิน จะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงค่าเงินในช่วง 6-7 ปีมานี้ มีความแปรปรวนสูงกว่าช่วงก่อนมาก และหลายครั้งที่การเปลี่ยนแปลงค่าเงินไม่ได้เกิดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่แท้จริง แต่เกิดจากความเชื่อและการเก็งกำไรในยามที่เกิดความไม่แน่ใจต่อนโยบาย หรือสถานะทางการเงินของประเทศใด กระแสเงินก็จะไหลออกอย่างรวดเร็ว ยิ่งปริมาณเงินในระบบปัจจุบันมีจำนวนมหาศาลจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยิ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดความผันผวนมากขึ้น ซึ่งความผันผวนดังกล่าวมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่แท้จริงกระทบต่อภาคธุรกิจและแน่นอนกระทบต่อค่าเงิน

ในช่วงเวลาที่มีความผันผวนของค่าเงินเช่นนี้ ปกติก็จะเป็นหน้าที่ของธนาคารกลางที่จะเข้ามาดูแล และธนาคารแห่งประเทศไทยก็กำลังจับตาการแข็งค่าอย่างใกล้ชิด แต่เป็นเรื่องยากที่จะสามารถแทรกแซงค่าเงินในปัจจุบันเพราะการไหลเวียนของเงินมีจำนวนมาก การจะทำให้ค่าเงินมีเสถียรภาพไม่ว่าจะในฐานะของรัฐบาลหรือธนาคารกลางจะเป็นโจทย์ที่สำคัญในลำดับต่อไป เพราะเชื่อว่าสงครามค่าเงินที่เริ่มต้นไปแล้วนั้นจะไม่จบลงง่ายๆ ไม่เพียงแต่ชาติมหาอำนาจเท่านั้นที่จะใช้ค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศตนเอง แต่ประเทศขนาดกลางจะเริ่มใช้นโยบายเพื่อควบคุม แทรกแซง รวมถึงกีดกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชาติตน ดังนั้น เราจะได้เห็นนโยบายโดยเฉพาะการเงินแบบสุดโต่งมากขึ้นในอนาคต เวลาค่าเงินอ่อนผู้ส่งออกผู้รับรู้รายได้เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศก็ได้ประโยชน์ ในช่วงเวลาที่ค่าเงินแข็งก็มีผู้ได้ประโยชน์เช่นกัน และก็อย่างที่เรียนใน ตอนต้นทุกอย่างมันมีขึ้นมีลง และผมก็แค่หมอดูคนหนึ่ง

สวัสดี