เตรียมรับตลาดท่องเที่ยวจีน : E-VISA และ E-Payment

เตรียมรับตลาดท่องเที่ยวจีน : E-VISA และ E-Payment

เวลานี้ทุกคนคงเข้าใจตรงกันหมดแล้วว่าจีน เป็นตลาดท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ครองขนาดตลาดอยู่เกือบ 1 ใน 3

 และสัดส่วนจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จีนจึงเป็นตลาดที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับไทย แต่ที่เราเข้าใจผิดคือคู่แข่งด้านการท่องเที่ยวในตลาดจีนของไทย ได้แก่ ประเทศในอาเซียน เพราะเรามีทรัพยากรท่องเที่ยวและสิ่งดึงดูดใจที่ใกล้เคียงกัน แท้ที่จริงสำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีน คู่แข่งของไทยไม่ใช่อาเซียน แต่เป็นเกาหลีและญี่ปุ่นซึ่งมีความได้เปรียบที่อยู่ใกล้จีนมาก ทั้งสองประเทศมาเสียเปรียบด้านราคาที่แพงกว่าไทย แถมคนจีนยังมาไทยด้วยทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นจำนวนมากอีกด้วย

ถ้าพูดถึงคุณภาพสินค้าท่องเที่ยว ญี่ปุ่นเหนือกว่าไทยมากอย่างน้อยใน 3 ประเด็นคือ (1) ความสามารถในอนุรักษ์ ซึ่งไม่ใช่แค่การอนุรักษ์โบราณสถาน โบราณวัตถุ และทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังรวมไปถึงพืชพันธุ์ต่างๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ ที่คนไทยกำลังเห่อไปดูกันก็คือ คนญี่ปุ่นสามารถอนุรักษ์ต้นวิสทีเรียอายุ 150 ปี มาถึงปัจจุบัน แต่ของเรามีแต่ตัดไม้ใหญ่แล้วซื้อต้นเล็กๆ หรือต้นแพงๆ มาปลูกใหม่ 

(2) ระบบโลจิสติกส์ของญี่ปุ่นเยี่ยม! การเดินทางในญี่ปุ่นสะดวกสบาย ทั้งทางเรือบิน รถยนต์ รถไฟ ทั้งส่วนตัวและสาธารณะ เดี๋ยวนี้การเดินทางในญี่ปุ่นแม้แต่เช่ารถยนต์ขับเองก็จะสะดวกมาก เพราะมีระบบแผนที่ GPS และระบบป้ายที่ชัดเจนคอยสนับสนุน หากจะใช้รถไฟฟ้า รถเมล์ ก็เชื่อมต่อกันหมดทั้งบนดินและใต้ดิน เวลานี้ญี่ปุ่นได้ปรับปรุงชื่อสถานีรถใต้ดินให้เป็นหมายเลขตามแต่ละสายหมดแล้ว ไม่มีสถานีฟันหลอเหมือนรถไฟฟ้าสายสีม่วงของเรา รถราทุกอย่างก็ออกตรงเวลา 

(3) ด้านความสะอาด เป็นที่รู้มานานแล้วว่าญี่ปุ่นเป็นชาติที่สะอาดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องน้ำในสถานีรถไฟและที่สาธารณะซึ่งสะอาดมาก มีระบบชำระล้างให้ด้วย ที่สำคัญมีคนทำความสะอาดตลอดเวลา นอกจากนี้การจัดการที่ดีมากอีกเรื่องคือ ความสะอาดของถนนหนทาง ถึงแม้จะไม่มีถังขยะตั้งเด่นเป็นสง่าริมถนนเหมือนบ้านเรา แต่บ้านเมืองก็สะอาดมาก ใครไปเที่ยวไหนก็จะพยายามเอาของที่จะกลายเป็นขยะติดตัวไปแต่น้อย เพราะจะได้ทิ้งขยะเมื่อกลับบ้านหรือที่พักแล้วเท่านั้น ขยะที่จะทิ้งก็ต้องมีการคัดแยกขยะเพื่อให้การจัดการขยะของรัฐง่ายขึ้น 

ทั้งหมดนี้เกิดได้ก็เนื่องจากคนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบสูง และรัฐยังมีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดด้วย ความสะดวกสบาย ความสะอาด ความปลอดภัยเหล่านี้ บวกกับการไม่ต้องทำ VISA ทำให้เดี๋ยวนี้นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวญี่ปุ่นได้แบบเจาะลึกไปยังเมืองเล็กๆ ซึ่งทำให้การกระจายรายได้เป็นไปอย่างทั่วถึง

ตั้งแต่นักท่องเที่ยวจีนทะลักเข้ามาไทย โครงสร้างตลาดท่องเที่ยวไทยเปลี่ยนไปมาก การต้อนรับขับสู้ตลอดจนการเตรียมการต่างๆ ก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย การจะต้อนรับขับสู้นักท่องเที่ยวจีนก็ต้องเข้าใจลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของคนจีน ซึ่งเป็นคนใจร้อนเพราะเขามีเวลาไม่มาก และเป็นผู้ที่อยู่ในสังคมมือถือ เป็นประเทศที่ใกล้จะเป็นสังคมไม่ถือเงินสด คือใช้มือถือจ่ายทุกอย่างรวมทั้งค่ากับข้าวในตลาดสด ดังนั้นการรองรับนักท่องเที่ยวจีนต้องใช้ ระบบรองรับเป็นระบบดิจิทัล

การพัฒนาระบบดิจิทัลให้มีความสะดวกรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้มี E - VISA เป็นเรื่องด่วนเพราะทุกวันนี้คอขวดของการเข้าไทยประการหนึ่งคือ การขอ VISA ของไทยยังใช้ระบบราชการอย่างดั้งเดิมหรือเป็นแบบ Manual ไม่ใช่ Digital เมื่อมีคำขอ VISA เข้ามาเป็นหมื่น แต่ Capacity ของกงสุลไทยแต่ละแห่งค่อนข้างจำกัด สำหรับการรองรับนักท่องเที่ยวจีน เราคงไม่ต้องใช้ Free - VISA เพราะทำให้ปริมาณคนจีนที่จะเข้ามากเกินไปจนรองรับไม่ไหวและกลั่นกรองลักษณะลูกค้าที่ต้องการไม่ได้ อีกทั้งคนจีนจำนวนหลายร้อยล้านคนขึ้นไปเริ่มมีรายได้สูงจนค่าธรรมเนียม VISA ไม่ใช่อุปสรรคหลักอีกต่อไป

หากเราคิดว่าคนจีนจะมาไทยกว่า 10 ล้านคนเร็วๆ นี้ก็ต้องคิดระบบ E - VISA ที่เหมาะกับคนจีนคือทำ VISA จากมือถือได้ สามารถถ่ายรูปได้และพิมพ์มือถือได้ (ใช้ระบบที่ดีๆ ไม่ติดขัดบ่อยเหมือนการ Scan นิ้วมือที่สุวรรณภูมิที่ล่มทุกๆ 3 คน) หรือจะใช้วีธีถ่าย VDO ที่มีการเคลื่อนไหวใบหน้าแทนการพิมพ์นิ้วมือก็ได้ ส่วนการจ่ายค่า VISA ก็ควรทำได้หลายวิธี โดยผ่าน WeChat, Union Pay และAlipay เป็นต้น การทำ VISA online ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมจะสามารถทำให้เรากลั่นกรองเอาเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีการศึกษาและมีสตางค์

อานิสงส์อีกประการของการมี Online - VISA คือจะทำให้เรามี Big Data ในรูปดิจิทัลสามารถใช้ทำการตลาดได้เช่นถ้าเราสนใจตลาดคุณภาพ อาจจะทำ Promotion Campaign ร่วมกับ Alipay หรือ Ctrip และ BOI เชิญนักลงทุนจีนมาไทยโดยใช้ข้อมูล Big Data เฟ้นหานักท่องเที่ยวที่อยากได้นักลงทุนที่สนใจโดย Offer Promotion Package ท่องเที่ยวดูงานที่ต้องเสียเงิน แต่เป็น Package ที่ได้ VISA พิเศษแบบปีละ 5 ครั้งในราคา 3 ครั้ง และมีการลดหรือแจกแพ็กเกจท่องเที่ยวแถมพกเป็นการขยายตลาดคุณภาพสูงไปในตัว เรื่องนี้ ททท. เซี่ยงไฮ้มีนักการตลาดตัวกลั่นอยู่แล้วไม่น่าเป็นห่วง

  อีกเรื่องที่สำคัญคือ การพัฒนาระบบ E-Payment จีนมีระบบที่ถูกต้องตามกฎหมายไทยอยู่แล้ว การใช้ E - Payment ทำให้นักท่องเที่ยวไม่มีข้อจำกัดด้านเพดานการใช้เงินในต่างประเทศ รู้สึกเหมือนใช้เงินแบบอยู่ที่บ้านเพราะมีถุงเงินสำรองอยู่ตลอดเวลา ไม่เหมือนนักท่องเที่ยวที่ต้องเผื่อเงินสดขึ้นรถแท็กซี่ในวันสุดท้ายไม่กล้าใช้จ่ายเพราะเงินที่แลกมาใกล้หมดแล้ว แต่การจ่ายเงินของนักท่องเที่ยวจีนในปัจจุบันยังไม่ผ่านระบบภาษีและระบบแลกเปลี่ยนเงินตราของไทยร้อยละร้อย หากเราจัดระบบให้สะดวกชัดเจนก็จะเป็น Win - Win ทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งรัฐบาลจีนและนักท่องเที่ยวจีนด้วย

สุดท้ายก็คือ การปรับปรุงรถเมล์สาธารณะจากสนามบินต่างๆ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวหลัก ที่เราเรียกว่า Shuttle Bus ควรมีตารางเวลาที่เหมาะสมและให้มีการทำการขายในระบบ E - Commerce จีน เพราะคนจีนจองและจ่ายทุกอย่างในมือถือผ่านระบบ E - Commerce ท่องเที่ยวของเขาเช่น Ctrip หรือ WeChat ตั้งแต่ยังไม่ออกเดินทาง การขายผ่าน E - Commerce ล่วงหน้าจะทำให้เราสามารถปรับปรุงตารางเวลาได้ดีขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น และรับรองว่างานนี้เอกชนทำจะมีกำไร

มาปรับปรุงให้การท่องเที่ยวของคนจีนในไทยให้สะดวกสบาย ปลอดภัย และไร้ข้อจำกัดด้านการเงินกันเถอะค่ะ