เศรษฐศาสตร์พื้นฐาน

เศรษฐศาสตร์พื้นฐาน

วันนี้ขอใช้พื้นที่นี้ระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจ เรื่องของหลักเศรษฐกิจเบื้องต้น ว่าด้วยเรื่องอุปทาน อุปสงค์

และการสร้างกำไรส่วนเพิ่มที่ผิดปกติ และหน้าที่บทบาทของรัฐในฐานะผู้ดูแลกฎเกณฑ์ และการสร้างความเป็นธรรมในสังคมและในประเทศ ในการแก้ปัญหาการขาดตลาด และความถูกแพงของราคาสินค้า ที่คงจะหวังพึ่งพาระบบตลาดที่ไม่สมบรูณ์แต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้

ช่วงระยะเวลานี้เป็นวันเวลาแห่งการก่อสร้างพระเมรุมาศ สำหรับการถวายพระเพลิงพระบรมศพ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ (รัชกาลที่ 9) อันเป็นที่เคารพรักยิ่งของประเทศที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนต.ค. และยิ่งใกล้วันเวลาเข้าคิดว่าประชาชนไทยก็ยิ่งใจหาย มีหน่วยงานต่างที่ระดมสรรพกำลังต่างๆ รวมทั้งจิตอาสาที่มีความสามารถทางศิลปะในแขนงต่างๆ เช่น การวาดภาพ การปั้น การแกะสลักและอื่นๆ ในการก่อสร้างพระเมรุมาศให้มีความสวยงามที่สุด เพื่อเป็นการถวายสักการะรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย

อีกกิจกรรมหนึ่งที่ทำควบคู่กันไปในการเตรียมงานก็คือ การประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ที่คาดว่า จะมีความต้องการใช้งานที่คาดว่าจะมีความต้องใช้มากกว่า 6 ล้านดอก (สำหรับความต้องการใช้ในกรุงเทพมหานคร) การจะประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์นับหลายล้านดอกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าทางกรุงเทพมหานครที่เป็นหน่วยงานหลักในการจัดหาและจัดทำดอกไม้จันทน์ ที่มีตั้งแต่การเปิดสอนการประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ในตามเขตต่างๆ ซึ่งก็ได้มีหน่วยงาน องค์กร บริษัทเอกชนต่างๆ เช่นจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บริษัท ปตท และ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ได้ประกาศระดมคนและจิตอาสาให้มาช่วยประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าความสำเร็จลุล่วงไปมากน้อยเพียงใดแล้ว

การประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์จำนวนมากจึงทำให้มีความต้องการใช้วัสดุ อุปกรณ์ จำนวนมาก ที่หน่วยงานต่างๆ ต้องเร่งจัดซื้อจัดหาเข้ามาไว้ใช้สำหรับการใช้งาน วัสดุสำคัญๆ ได้แก่ กลีบดอกไม้อัดสำเร็จรูป เปลือกข้าวโพด หนวดจันทน์ หรือไม้จันทน์เทียม กระดาษพันก้านสำเร็จรูป ตลอดจนธูปและเทียน ความต้องการก็คืออุปสงค์ ที่ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ และทำให้ราคาอุปกรณ์นี้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ตัวอย่างเช่นวัสดุสำหรับทำดอกไม้สำเร็จรูปปรับตัวขึ้นมาจาก ชุด 200-250 บาท ขึ้นมาเป็น 350-500 บาทต่อชุด เปลือกข้าวโพดปรับราคาเพิ่มจากกิโลกรัมละ 200 บาทขึ้นมาเป็น 300 บาทต่อกิโลกรัม และที่มหาโหดที่สุดคือ หนวดไม้จันทน์ปรับขึ้นราคาจากกำละ 50 บาทเมื่อหลายเดือนก่อน ขึ้นมาเป็นกำละ 300 บาทที่เป็นการเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าตัว

หน่วยงานและองค์กรขนาดใหญ่คงจะไม่มีปัญหากับราคาวัสดุ และอุปกรณ์ที่สูงขึ้นเพราะมีเงินสนับสนุน แต่ก็คงมีปัญหาในการจัดหาวัสดุที่จะยากลำบากมากขึ้น แต่สำหรับผู้มีจิตอาสาหรือกลุ่มผู้ผลิตรายย่อยเช่น ผู้เขียนและเพื่อนฝูงกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันประดิษฐ์ดอกดารารัตน์ สำหรับถวายในงานนี้รู้สึกว่าผู้ค้าทั้งหลาย กำลังค้ากำไรเกินควรที่ปรับราคาขายอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจว่าการประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์นี้ จะนำไปมอบให้กับผู้จัดงานพระบรมศพสำหรับการใช้งานต่อไป

เราควรทำอย่างไรในการต่อต้านกับผู้ค้ากำไรเกินควรกลุ่มนี้ ก็ได้มีการพูดคุยกันในกลุ่มต่างๆ คือ การพยายามหาสิ่งทดแทนในการลดความต้องการและเพิ่มอุปทานของวัสดุทดแทน ในกรณีของหนวดจันทน์ มหาโหดนี้ ก็อยากจะเชิญชวนให้ใช้เปลือกข้าวโพด มาควั้นเป็นเกลียวใช้ทดแทนซึ่งก็สวยงามไม่แพ้กับไม้หนวดจันทน์ หรือการใช้กระดาษย่นแทนการใช้ผ้าเทปพันสำเร็จรูปที่มีราคาแพงกว่ามาก การลดความต้องการใช้ดังกล่าวก็จะทำให้ราคาสินค้าตกลงมาตามหลักเศรษฐศาสตร์ และมาตรการที่อาจรุนแรงคือในระยะยาวจะขึ้นบัญชีดำไม่ซื้อขายสินค้าจากร้านค้าที่โก่งราคาสูงมากเกินไป การช่วยกันของกลุ่มต่างๆในสังคมจะเป็นการต่อต้านพวกผู้ค้ากำไรเกินควรเหล่านี้

สำหรับบทบาทขององค์กรของหน่วยงานภาครัฐนั้นก็เข้าใจว่า วัสดุอุปกรณ์การผลิตดอกไม้จันทน์ไม่ใช่สินค้าที่มีการควบคุมราคา แต่ก็อาจดูแลให้การปรับราคาเป็นไปตามต้นทุน หรือการเร่งรัดให้ผู้ผลิตเพิ่มการผลิตให้มีสินค้าเข้าสู่ตลาดจำนวนมากขึ้น เมื่ออุปทานมีมากขึ้นก็จะทำให้ราคาสินค้าลดลง ดังนั้นจึงขอฝากไปยังหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบ เข้ามาช่วยดูแลไม่ให้เกิดการขาดแคลน ตลอดจนการปรับราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม และอยากจะฝากบอกว่าถ้าเขาขายแพงก็เลิกซื้อ และหากทุกคนจะยุติการประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์พร้อมกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น การขาดแคลนดอกไม้จันทน์ที่จะเกิดขึ้น ในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพที่จะมีขึ้นในปลายเดือนต.ค.นี้

ที่กล่าวมาแล้วก็เป็นเรื่องคนใจเห็นแก่ตัวและงกเงิน หาความร่ำรวยเฉพาะหน้า ที่ผู้ค้าส่วนหนึ่งมีความร่ำรวยจากการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า แต่ยังมีคนใจบุญใจกุศลอยู่ส่วนหนึ่ง ที่ผู้เขียนได้ไปซื้อด้ายหลอดจากร้านขายอุปกรณ์ตัดเย็บเสื้อผ้า ได้ขอซื้อด้ายหลอดที่พอบอกว่าจะเอาด้ายสีนวลสำหรับไปทำดอกไม้จันทน์ คุณผู้หญิงเจ้าของร้านหยิบด้ายมาให้พร้อมบอกว่า ไม่ขอรับสตางค์และถามว่าพอหรือเปล่า พร้อมกลับหยิบหลอดด้ายให้เพิ่มอีกด้วย รู้สึกตื้นตันขึ้นมาเต็มหัวใจมูลค่าของเพียงเล็กน้อยแต่ทราบซึ้งถึงความมีน้ำใจ ที่สะท้อนออกมาของคนในอีกด้านหนึ่ง