ไล่นายออกจากงานได้ไหม?

ไล่นายออกจากงานได้ไหม?

วันก่อนนอนดูหนังตลกเกี่ยวกับตัวเอกของเรื่องที่อยากไล่นายตัวแสบออกจากงาน ซึ่งเธอและเพื่อนๆพยายามหาวิธีการต่างๆให้นายทนไม่ได้ต้องลาออกจากงานไป

เป็นการแก้แค้นที่นายเคยวางอำนาจใส่ บีบบังคับให้ทำงานเกินกำลัง ปล้นผลงานลูกน้อง ฯลฯ พอดีดิฉันเข้ามาดูกลางเรื่องแล้วเลยจำชื่อหนังไม่ได้ แต่ที่ติดอยู่ในใจก็คือประเด็นที่เกี่ยวกับลูกน้องที่มีนายที่ไม่ดีจะสามารถขับไล่นายให้ออกจากงานได้ไหม เพราะโดยทั่วไปแล้วจะเห็นนายไล่ลูกน้องที่ไม่ดีออกจากงานมากกว่า และถึงแม้ลูกน้องจะดีแต่นายที่ไม่ดีก็ยังไล่ลูกน้องออกได้อยู่นั่นเอง ดูแล้วคนเป็นลูกน้องที่มีนายแย่ๆคงหมดหวังเดินออกจากเวทีนี้กันไปมากแล้ว

อย่าว่าแต่สังคมไทยเลยค่ะ สังคมตะวันตกก็พบปัญหานี้เช่นกัน กล่าวคือนายมีอำนาจและโอกาสในการบีบบังคับจัดการลูกน้องได้มากกว่า จึงได้เกิดมีเว็บไซต์และบล็อกมากมายที่ปรึกษาหารือให้ข้อแนะนำแก่คนที่อยากไล่นายออกจากงาน ดิฉันลองอ่านดูแล้วเห็นว่ามีเนื้อหาน่าสนใจและน่าจะเป็นประโยชน์กับมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนาย และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บริหารในที่ทำงานที่ช่วยกันปกป้องผู้บริหารที่มีพฤติกรรมและผลงานแย่ๆในที่ทำงานให้อยู่ทำงานต่อไปได้โดยปล่อยให้ผู้น้อยต้องก้มหน้ารับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ

หลังจากทำการค้นคว้าอยู่ 2-3 วันก็เริ่มมองเห็นหลักการในการจัดการกับนายแย่ๆจนสรุปออกมาได้อยู่ 4 ขั้นตอนค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 ทำการประเมินตนเอง ก่อนที่จะไปจับผิดร้องเรียนเรื่องนายไม่ดี โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องของผลงาน ท่านควรจะต้องใช้ความระมัดระวังมาก เพราะถ้าตัวท่านเองเป็นพนักงานที่มีประวัติผลงานไม่ดี เคยมีปัญหาเรื่องวินัยหรือความประพฤติมาก่อน ถึงแม้ว่านายของท่านจะมีผลงานแย่จริง โอกาสที่ผู้บริหารระดับสูงกว่าหรือคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนของพนักงานจะให้น้ำหนักกับคำร้องเรียนของท่านจะต่ำมาก หรือในกรณีที่ท่านร้องเรียนว่านายคุกคามทางเพศด้วยการพูดจาลามก แล้วตัวท่านเองเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวล่อแหลม ชอบพูดจาล่อแหลมสองแง่สองง่ามกับผู้ร่วมงาน กรณีนี้ท่านก็อยู่ในฐานะที่เสียเปรียบเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องทำการประเมินตัวเองให้ดีเสียก่อนว่าเป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือมากเพียงใด

ขั้นตอนที่ 2 ศึกษากฎระเบียบและข้อกฎหมายต่างๆให้ดี การจะเอาผิดกับนาย โดยเฉพาะถ้านายอยู่ในตำแหน่งงานที่ใหญ่โตมีอำนาจและอิทธิพลสูง ท่านต้องศึกษากฎระเบียบขององค์กรให้ดีว่าเขาละเมิดหรือไม่ปฏิบัติตามกฎและระเบียบวินัยอย่างไรบ้าง และถ้าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายด้วย ควรขอคำปรึกษากับผู้รู้กฎหมาย ตรวจสอบความเข้าใจและการแปลความหมายของกฎระเบียบและกฎหมายให้ถี่ถ้วนถูกต้องจนมั่นใจว่าพฤติกรรมของนายเข้าข่ายผิดกฎระเบียบหรือกฎหมายข้อไหนบ้าง เพราะเรื่องการแปลความนี้เป็นเรื่องละเอียดซับซ้อนประมาณว่าภาษาดิ้นได้ ซึ่งช่วยให้คนที่ทำผิดหลายคนเอาตัวรอดมาแล้ว

ขั้นตอนที่ 3 รวบรวมหลักฐานและพยานให้พร้อม การจะเอาผิดกับนายก็เหมือนกับการเอาผิดผู้ต้องหาตรงที่ต้องมีพยานและหลักฐานให้พร้อมจะกล่าวหาร้องเรียนลอยๆโดยใช้ความรู้สึกหรือการคาดคะเนไม่ได้ นายแย่ๆมีหลายประเภทค่ะ ยกตัวอย่างเช่น นายขี้เกียจไม่ทำงาน มีอคติ โกง ไม่ยุติธรรม ข่มขู่คุมคามพนักงาน ล่วงละเมิดทางเพศ ฯลฯ แต่ละประเภทล้วนเป็นเรื่องยากที่ลูกน้องจะหาหลักฐานมายืนยันได้ เพราะนายมักประพฤติเรื่องเหล่านี้ในที่ลับหูลับตาคน ลูกน้องต้องใช้เวลาวางแผนงานให้ดี เช่น ถ้านายขี้เกียจไม่ทำงาน ท่านก็ต้องเก็บหลักฐานเรื่องวันและเวลาเข้างานของนาย แต่ถ้านายอยู่ในตำแหน่งสูงก็ลำบากขึ้นไปอีก เพราะไม่จำเป็นต้องเข้างานตรงเวลา ท่านก็ต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นด้วยการหาหลักฐานอื่นเช่นบันทึกประชุมโครงการงานต่างๆที่นายควรจะทำให้เสร็จตามกำหนดแต่ไม่ได้ทำ ซึ่งต้องหามาหลายๆหลักฐานเพื่อให้ดิ้นไม่หลุด ในบางกรณียิ่งหาหลักฐานยากยิ่งขึ้นไปอีก เช่นกรณีคุกคามทางเพศ เช่นสัมผัสตัวพนักงาน ซึ่งเมื่อตอนลวนลามพนักงานอาจตกใจตั้งตัวไม่ทัน ซึ่งเหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว พนักงานก็ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ ครั้นจะใช้วิธีล่อจับแบบตำรวจเพื่อแอบถ่ายคลิปผ่านกล้องวงจรปิด มันก็เสี่ยงเปลืองตัวแล้วยังอาจถูกกล่าวหากลับก็ได้ว่ายั่วยวนนายก่อน เสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง

ขั้นตอนที่ 4 รวบรวมสมัครพรรคพวกสร้างกลุ่มพลัง  การสู้ตัวต่อตัวกับนายที่มีอำนาจมากกว่าย่อมเสียเปรียบด้วยเหตุผลหลายๆประการดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ตามหลักยุทธวิธีผู้ที่มีพลังน้อยกว่าย่อมต้องมีการผนึกกำลังรวมกับผู้อื่น หลังจากที่รวบรวมหลักฐานเอกสารต่างๆให้มากที่สุดเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนนี้ก็คือเดินหน้าหาสมัครพรรคพวกร่วมอุดมการณ์เดียวกันกับท่าน ได้แก่เพื่อนร่วมงานที่เคยได้รับประสบการณ์เดียวกับท่าน เช่น เคยถูกประเมินผลงานอย่างไม่ยุติธรรม ถูกคุกคาม ถูกกีดกันหรือเคยเห็นพนักงานคนอื่นตกเป็นเหยื่อการกระทำที่ผิดของนาย บุคคลเหล่านี้คือคนที่ท่านต้องพยายามประสานงานกับพวกเขาชักชวนให้มารวมกันเพื่อระดมสรรพกำลังในการรวบรวมหลักฐานเพื่อเสนอเรื่องร้องเรียนต่อผู้บริหารระดับสูงหรือบอร์ดบริหาร หรือจ้างนักกฎหมายเพื่อฟ้องร้องนายต่อไป หรืออย่างเบาะๆก็แค่บุกเข้าไปห้องทำงานของนายเพื่อยื่นหลักฐานต่างๆกับแสดงพลังให้เห็น เพราะเพียงเท่านี้นายบางคนก็อาจจะวิตกจนยอมลาออกไปเอง แต่ถ้านายบางคนหัวหมอและมีอิทธิพลมาก แบบนี้อาจกลายเป็นเรื่องยาวแบบหนังชีวิตต้องสู้กันหลายรอบหลายระดับ และถ้าท่านเป็นนักสู้ไม่ท้อถอยลาออกจากงานง่ายๆ มาคุยกันต่อเลยค่ะว่าต้องทำอะไรอีกบ้างเพื่อรวบรวมสมัครพรรคพวกให้มากพอจนสู้กับนายผู้มีอิทธิพลได้

เมื่อมีหลักฐานและพรรคพวกมากขึ้นก็ต้องจัดเตรียมหลักฐานในรูปแบบการนำเสนอที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย จงเรียงลำดับเหตุการณ์และพยานของแต่ละเหตุการณ์ โดยอ้างถึงกฎระเบียบข้อต่างๆที่นายละเมิดเพื่อนำส่งให้ผู้บริหารตามลำดับชั้นก่อน ถ้าผู้บริหารในแผนกหรือในองค์กรทำเป็นวางเฉยหูทวนลม ก็ขยับความเข้มขึ้นตามลำดับด้วยการส่งเรื่องถึงบอร์ดบริหาร ถึงสื่อและอื่นๆตามลำดับ ทั้งนี้ดิฉันขอเรียนตามความเป็นจริงว่าการไล่นายออกไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย แต่เป็นเรื่องที่ทำได้หากท่านสามารถดำเนินงานตามขั้นตอน 4 ประการนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สุดท้ายก็คือต้องใส่ความอดทนลงไปมากๆด้วยค่ะ เพราะมันเป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่จะทำให้นายแย่ๆที่ลำพองใจว่าไม่มีลูกน้องกล้าโค่นล้มตัวเองหยุดพฤติกรรมเลวๆของเขาลงในที่สุด