อยู่กับความผันแปร (จบ)

อยู่กับความผันแปร (จบ)

อย่าปล่อยให้ดีไวซ์ทำเราเสียสมาธิ เพราะบางครั้งการติดเกม หรือเสพติดโซเชียลมีเดีย ทำให้เราเสียสมาธิไปจากงานสำคัญๆ

ฉบับที่แล้วเขียนถึงวิธีการดำรงชีวิตอยู่ในโลกธุรกิจ ที่เต็มไปด้วยความผันแปร 4 ข้อหลัก ประกอบด้วยข้อแรก คือ การมีความสุขและรักในสิ่งที่ต้องเองทำ ข้อสองต้องมองเห็นอุปสรรคเป็นโอกาสและความท้าทาย

ข้อสามต้องรู้จักเสนอตัวเองเพื่อรับผิดชอบงานใหม่ และข้อสี่ต้องให้ความสำคัญกับความเห็นต่าง

วันนี้ต่อกันในข้อที่ 5 คือต้องตระหนักว่าไม่มีงานใดสำเร็จได้โดยไร้อุปสรรค เพราะการรับรู้เช่นนี้จะทำให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับทุกปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่นเดียวกับร่างกายคนเราที่อาจมีเชื้อโรคร้ายแฝงตัวอยู่ แต่หากเราออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยสร้างภูมิต้านทานไม่ให้โรคร้ายกำเริบขึ้นมาได้

พึงระลึกเสมอว่า งานใดที่ไม่มีปัญหาและไร้อุปสรรคขวางกั้น งานนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีเราเป็นผู้บริหารจัดการใด ๆ เพราะมันคงเดินหน้าไปด้วยตัวเอง การมีอยู่ของปัญหาจึงเป็นหนทางให้เรามีงานทำอยู่ และเราต้องฝึกฝนตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพร้อมรับกับทุกปัญหาในอนาคต

ข้อ 6 ให้โอกาสกับข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเอง เพื่อนร่วมงาน ลูกน้องทุกคนมีโอกาสทำงานงานผิดพลาดได้เหมือนๆ กัน จึงจำเป็นต้องรู้จักการวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละคน เพื่อป้องกันการใช้คนไม่ตรงกับงานก่อนเป็นอันดับแรก

และขณะเดียวกัน ต้องยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ถือเป็นต้นทุนในการทำงานและต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาดเหล่านั้น เพื่อไม่ทำผิดซ้ำเดิมอีก ดังนั้นกระบวนการทำงานจึงต้องชัดเจน รวมถึงบันทึกทุกขั้นตอนและเมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ต้องทบทวนขั้นตอนทั้งหมดให้ถูกต้อง

ข้อ 7 ต้องหาความท้าทายใหม่ๆ เสมอ เช่นเดียวกับการเล่นกีฬาที่เรามักท้าทายตัวเองด้วยการลดแต้มต่อลง หรือเล่นกับคู่แข่งขันที่เก่งกว่าเดิม จะทำให้เราพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่องและมีทักษะใหมๆ เพิ่มขึ้นตลอดเวลา

เมื่อมีการแข่งขันในครั้งต่อๆ ไป จะทำให้เรามีกลยุทธ์การเล่นสูงขึ้น แต่ละแต้มที่ได้จึงรู้ว่าใช้วิธีใดถึงจะได้ผล ไม่ใช่เพียงใช้พละเพียงอย่างเดียว ทำให้เรารู้จักใช้เทคนิคที่แตกต่างกันในการรับมือกับคู่แข่งที่หลากหลาย ไม่ต่างอะไรกับโลกธุรกิจเลย

ข้อ 8 อย่าปล่อยให้ดีไวซ์ทำให้เราเสียสมาธิ เพราะบางครั้งการติดเกม หรือเสพติดโซเชียลมีเดีย ทำให้เราต้องเสียสมาธิไปจากงานสำคัญๆ ได้โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในทุกวันนี้ที่ “สังคมก้มหน้า” ปล่อยให้หลาย ๆ คนติดแชต ติดไลน์ ติดเฟซบุ้ค ฯลฯ ตลอดเวลาแม้แต่เวลาที่อยู่ในห้องประชุมซึ่งทำให้พลาดเรื่องสำคัญ ๆ ไปได้เสมอ

บ่อยครั้งการเสพติตสมาร์ทดีไวซ์เหล่านี้ ยังส่งผลถึงครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ฯลฯ ทำให้เราขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง และที่แย่กว่านั้น คือ การใช้อุปกรณ์เหล่านี้ขณะขับขี่ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

ข้อ 9 ต้องมีเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน บางคนทำงานมา 5-10 ปีแต่ไม่รู้ชัดเจนว่า ต้องการอะไรจากการทำงานนี้ ขณะที่บางคนมีเป้าหมายชัดเจนว่า ต้องการยกระดับอุตสาหกรรมที่ตัวเองทำอยู่ให้พัฒนายิ่งขึ้น หรือบางคนฝันไกลไปถึงการเปลี่ยนโลกใบนี้ด้วยงานที่เขารัก

เพราะสิ่งที่เราทำมีค่าเสมอ และผลงานของเรานั้นย่อมตกอยู่กับองค์กร ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมนั้นเข้มแข็งยิ่งขึ้น และยิ่งทำมากผลสุดท้ายก็ตกอยู่กับเศรษฐกิจของประเทศที่จะเติบโตตามไปด้วยเช่นกัน