‘เอไอ’ เพิ่มความอัจฉริยะให้ธุรกิจ

‘เอไอ’ เพิ่มความอัจฉริยะให้ธุรกิจ

เอไอ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเราทุกๆ ช่วงเวลา แม้เพียงเสี้ยวโมเม้นท์เล็กๆ ก็สามารถรู้ได้ว่าอะไร คือ สิ่งที่เราชอบ

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligent (AI) ไม่ใช่เรื่องไกลตัวที่ปรากฎอยู่ในภาพยนต์ไซ-ไฟอีกต่อไป แต่กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ การเปิดฟังเพลงโปรดตามรสนิยมเฉพาะแต่ละบุคคลผ่านแพนโดร่า (Pandora) หรือบริการนัดเดทออนไลน์ที่ถูกใจตรงสเปคผ่าน อีฮาร์โมนี (eHarmony) นี่ยังไม่รวมถึงการหาเส้นทางจราจร และนำทางโดยคอมมูนิตี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกผ่านเวซ (Waze) หรือแม้แต่การแนะนำภาพยนต์ที่ผู้ชมน่าจะถูกจริตผ่านเน็ตฟลิกซ์ และการช้อปออนไลน์ตามสไตล์ที่ชื่นชอบของนักช้อปแต่ละคนผ่านอเมซอน

เอไอ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเราทุกๆ ช่วงเวลา แม้เพียงเสี้ยวโมเม้นท์เล็กๆ ก็สามารถรู้ได้ว่าอะไร คือ สิ่งที่เราชอบ รับรู้และเข้าใจในบริบทต่างๆ รอบข้าง และตัดสินใจดำเนินการให้เราได้อย่างเที่ยงตรง แม่นยำ อีกทั้งยังเฉลียวพอที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติม เสริมต่อความต้องการพร้อมการปรับตัว และแก้ไขด้วยทักษะที่ชาญฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผันผ่านไป แถมยังสามารถค้นพบองค์ความรู้ใหม่ๆ และปฎิสัมพันธ์กับเราได้อย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ

เอไอกำลังได้รับการพัฒนาโดยการเสริมรอยหยักให้สมอง และเติมสติปัญญาให้สุดอัจฉริยะ เพื่อเข้ามาผสมผสาน และเพิ่มคุณค่าให้ธุรกิจโดยผ่านการใช้แอพลิเคชั่นในองค์กรที่เป็นแบบ Adaptive Intelligent Application เช่น บิสิเนส แอพลิเคชั่นของออราเคิล คลาวด์ ที่ขยายขีดความสามารถด้านนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีงามแก่ลูกค้า (CX) การบริหารงานทรัพยากรบุคคล (HRM) การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (SCM) และการจัดการระบบบริหารทรัพยากรองค์กร (ERP) รวมถึงขยายศักยภาพของคลาวด์แอพลิเคชั่นที่ให้ผลลัพธ์อย่างอัจฉริยะโดยนำบริบท หรือ Contextual มาใช้ประโยชน์ได้เพิ่มมากขึ้น

อินทิลิเจนท์ แอพลิเคชั่น จะใช้พลังการประมวลผลผ่านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์​ โดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ของทั้งองค์กรธุรกิจและผู้ใช้ (web scale data) แบบเรียลไทม์​ การใช้แมชชีน เลิร์นนิ่งที่ใช้แขนงงานด้านวิทยาศาสตร์ในการตัดสินใจ (decision science) ที่จะสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง และปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่น เพื่อให้ธุรกิจส่งมอบประสบการณ์ที่พึงประสงค์ หรือข้อเสนอที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล (personalization) ได้อย่างพึงใจ

พูดง่ายๆ คือ แอพลิเคชั่นที่หยั่งรู้มีความเฉลียวฉลาดเพิ่มขึ้น เอื้อประโยชน์โดยตรงกับฟังก์ชั่นการทำงานของกิจการ ช่วยให้ธุรกิจใช้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำขึ้น ตั้งแต่งานด้านบริหารทรัพยากรมนุษย์ ผู้สรรหาจะสามารถระบุคุณสมบัติของผู้สมัครที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุดในระยะเวลาอันสั้น ขณะเดียวกันก็สามารถกำหนดลักษณะงานที่ช่วยให้ผู้สมัครได้พบตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

การเสนอบริการที่ตรงกับโพรไฟล์ของผู้ใช้งานที่ช่วยสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจ การช่วยวางแผนและประมูลหาซัพพลายเออร์หรือบริษัทที่รับขนส่งในราคาที่ต่ำสุดด้วยเส้นทางขนส่งที่มีประสิทธิภาพในระบบซัพพลายเชน จนกระทั่งถึงการได้รับเงื่อนไขการชำระเงินที่ดีขึ้นและได้รับส่วนลดมากขึ้น ผ่านการใช้ระบบอีอาร์พีที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

มาลองเทียบการใช้งานจริง กรณีของ หญิงสาววัย 32 ปีซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัท โดยฐานข้อมูลระบุว่าเธอชื่นชอบการดื่มกาแฟ และเพิ่งซื้อเครื่องชงกาแฟราคาแพง นอกจากนี้ยังชอบแบรนด์เสื้อผ้าพรีเมียมยี่ห้อหนึ่งที่เธอมักจะแวะเวียนเข้าไปดูคอลเล็คชั่นใหม่อยู่เสมอ อีกทั้งเธอยังชอบกิจกรรมปีนเขา และขี่จักรยาน โดยเธอออกมาขี่จักรยานในวันที่อากาศร้อนระอุ

แอพลิเคชั่นธุรกิจแบบเดิมๆ จะใช้ข้อมูลที่มีอยู่เพื่อมารองรับการเสนอโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เช่น หากซื้อกาแฟครบหกแก้ว จะแถมฟรีหนึ่งแก้ว แต่ในทางกลับกันถ้าเป็น อินทิลิเจนท์ แอพรูปแบบใหม่ จะคาดการณ์ได้เองว่า เธอจะสนใจกาแฟฟรี แถมยังฉลาดมากขึ้นไปอีกเพราะสามารถประเมินระดับราคาของกาแฟที่เธอรับได้ โดยเสนอกาแฟเย็นมาดับร้อน และต่อยอดแบบเร้าใจด้วยการขายแบบอัพเซลที่ให้ส่วนลดในการซื้อเมล็ดกาแฟพรีเมียมด้วย

กล่าวโดยสรุป คือ แอพลิเคชั่นอัจฉริยะนี้ จะประมวลผลข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัล ฟุตพรินต์ ผ่านโซเชียลมีเดีย ธุรกรรมออนไลน์ล่าสุด หรือข้อมูลบริบทอื่นๆ เช่น โลเคชั่น สภาพภูมิอากาศ กิจกรรมทางสังคม จากนั้นจึงวิเคราะห์รายละเอียดจากคลังข้อมูลที่มีอยู่อย่างมหาศาล ตั้งสมมติฐานแบบคาดการณ์ความเป็นไปได้ แล้วจึงตัดสินใจที่จะเสิร์ฟข้อเสนอที่ตรงใจที่สุดให้กับลูกค้าเป้าหมายนั่นเอง

เมื่อโลกอนาคตกำลังจะเปลี่ยนไปแบบก้าวกระโดดด้วยพลังสติปัญญาสุดล้ำของคนผ่านพลังสมองสุดอัจฉริยะของปัญญาประดิษฐ์