มหากระแสจีน - จากนักท่องเที่ยวสู่นักลงทุน

มหากระแสจีน - จากนักท่องเที่ยวสู่นักลงทุน

จีนได้กลายเป็นมหากระแสด้านการท่องเที่ยวไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เมื่อจีนส่งออกนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก ในปี 2559

 นักท่องเที่ยวจีนจ่ายเงิน 109,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 900 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคน ในปี 2560 นี้และคาดกันว่า จะส่งออกนักท่องเที่ยวจีนมาไทยประมาณ 10 ล้านคนเศษ ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดของไทย

ศูนย์จีนของวิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มี ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ ได้จัดเสวนาจัดการความรู้ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ โดยให้นักศึกษาจีนที่ทำปริญญาเอกและโททำการวิจัยเกี่ยวกับธุรกิจที่เกี่ยวกับจีน มาถ่ายทอดความรู้ที่ทันต่อสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงกระแสจีนในประเทศไทยให้ผู้ประกอบการในเชียงใหม่ ประเด็นที่ถ่ายทอดล่าสุดคือ การลงทุนในธุรกิจของคนจีนที่เกี่ยวเนื่องจากการท่องเที่ยว ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าน่าจะนำมาเผยแพร่ในวงกว้าง

อ.ดนัยธัญ ชี้ให้เห็นว่าลูกสูบที่ขับเคลื่อนให้เกิดการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างก้าวกระโดด ได้แก่ (1) นักท่องเที่ยวจีนที่ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยมีรูปแบบการค้าและการทำธุรกิจแบบผสมผสานและยืดหยุ่นสูง เช่น โรงแรมขนาดเล็กของคนจีนมีเจ้าของที่ทำได้หลายหน้าที่ ขาดคนครัวนายทุนก็เข้าครัวได้ ขาดคนขับรถไปรับแขกก็ขับไปรับเอง (2) ความเข้าใจของนักธุรกิจจีนเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกในมิติต่างๆ จีนกำลังเปลี่ยนไปตามการเปิดประเทศมากขึ้น เช่น เข้าร่วมวงความร่วมมือในเศรษฐกิจโลก เช่น One Belt One Road, TTP ทำให้นักธุรกิจจีนที่มีความพร้อมที่จะรับความเสี่ยงสูงมองหาโอกาสในต่างประเทศเพิ่มเติมอย่างสนอกสนใจ ซึ่งโอกาสเหล่านี้รัฐบาลไทยก็โฆษณาให้นักประกอบการไทย แต่นักธุรกิจไทยยังกลัวๆ กล้าๆ อยู่ 

(3) Internet Revolution และ Digital Revolution ในจีนหรือเศรษฐกิจดิจิทัลในจีนขยายตัวล้ำหน้าไปมากจนคนจีนกลายเป็นมนุษย์ดิจิทัลไปหลายร้อยล้านคนแล้ว ในขณะเดียวกันจีนก็เกิดบริษัท ยักษ์ใหญ่เช่น Baidu, Alibaba และ Tencent ช่วยส่งเสริมกลุ่ม Startups จีนให้มีขีดความสามารถสูงกว่านักธุรกิจท้องถิ่นในประเทศที่คนจีนไปเที่ยว เพราะมีระบบนิเวศทางธุรกิจข้ามพรมแดนรองรับ (ตามรูป)

ทีนี้มาดูกระบวนการที่นักท่องเที่ยวจีนมาปรับตัวเป็นผู้ลงทุนในธุรกิจจีนในเชียงใหม่ ซึ่งการศึกษาพบว่า ในเชียงใหม่นักธุรกิจที่มาลงทุนส่วนหนึ่งมาจากการเคยมาท่องเที่ยวเชียงใหม่ แต่เมื่อพบว่าเชียงใหม่มีลักษณะของ International hub ที่ Green, Slow และมีความลงตัวระหว่างโลกาภิวัตน์และท้องถิ่น แถมยังมีโอกาสหากินได้เพราะมีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวถึงปีละเกือบสิบล้านคน บางส่วนก็เริ่มมาลงทุนโดยใช้วิธีการเข้าหุ้น 10 คนคนละ 1 ล้านหยวนก็รวมกันได้ถึง 50 ล้านบาท พอเพียงที่จะลงทุนสร้างคอนโด เปิดโรงแรมขนาดเล็กโดยเลือกเช่าคอนโดที่มีอย่างเหลือเฟือในทุกเมืองหลัก บ้างก็มาทำร้านอาหารจีน ร้านขายของที่ระลึก คนจีนที่มาลงทุนมีสังคมออนไลน์ของตนเอง และทำการค้าขายระหว่างกันอย่างเอาจริงเอาจัง

การศึกษาของนักศึกษาปริญญาเอกอีกท่านหนึ่งนำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับนักลงทุนในเชียงใหม่อีกกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มที่เป็นนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ผิดแผกจากนักธุรกิจจีนรุ่นเก่าซึ่งเข้ามาเป็นกรรมกรที่เข้ามาแบบเสื่อผืนหมอนใบ อาศัยความขยันและอดทนสูง ส่วนจีนรุ่นใหม่เป็นจีนอายุน้อย มีการศึกษาดี ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง!! กลุ่มนี้เดิมเป็นนักท่องเที่ยว ชอบเชียงใหม่ที่มีบรรยากาศดีเหมาะกับการเจริญเติบโตของลูกจึงส่งลูกมาเรียนโรงเรียนนานาชาติในเชียงใหม่ เพื่อหนีมลพิษในเมืองใหญ่ของจีนกลุ่มนี้วางแผนจะมาอยู่ประเทศไทยประมาณ 10 ปี ปัจจุบันเชียงใหม่มีจำนวนเด็กจีนมากถึง 500 คนแล้ว เมื่อลูกมาเข้าโรงเรียน พ่อก็มาซื้อคอนโดให้แม่มาเฝ้าลูก แม่มีเวลามากก็เริ่มหาธุรกิจทำไปด้วย เช่นแม่ทำงานเป็นที่ปรึกษาทำธุรกิจ ก็ยังสามารถส่งงานไปยังบริษัทต้นสังกัดที่เซินเจิ้นหรือเฉิงตู ถัดมาก็คือทำ E-commerceสั่งของจากจีนเข้ามาขายในราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ถัดมาก็เริ่มหาสินค้าท้องถิ่นของเมืองไทยส่งไปขายที่จีนในรูปแบบและแพ็คกิ้งที่คนจีนนิยมชมชอบ แม่บางคนสบโอกาสหารายได้เพิ่มโดยออกแบบค่ายฤดูร้อน และค่ายฤดูหนาวให้เด็กจีนเสียเลย

กลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มผู้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งก็จะเป็นการลงทุนเกี่ยวข้องกับ 2 กลุ่มแรก คือ ลงทุนเพื่อโอกาสทางธุรกิจ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ซึ่งก็ลงทุนกันไม่เบา การวิจัยพบว่า ถ้าเป็นคอนโดคนจีนจะพอใจราคาระหว่าง 1.5 - 3 ล้านบาท ต้องมีห้องครัวเป็นสัดส่วน ห้องรับแขกแยกจากห้องนอน มีบรรยากาศสงบ ที่สำคัญต้องมีก๊อกน้ำตรงระเบียง เพราะต้องการปลูกต้นไม้ มี CCTV และ รปภ. และมีระบบ Sharing หรือบริการขายห้อง มีพนักงานที่พูดจีนได้ ความสูงของเพดานต้องสูงกว่า 3 เมตร และต้องกันเสียง!! ไม่ต้องการ TV แต่ต้องการสิทธิในเลือกอุปกรณ์อย่างอื่นที่ตรงกับความต้องการมากกว่า สำหรับช่องทางการประชาสัมพันธ์ขายคอนโดควรทำในโซเชียลมีเดีย เช่น WeChat หรือ Weibo เป็นต้น

เกาะติดสถานการณ์จีนขนาดนี้แล้วก็คงจะเตรียมทำธุรกิจกับจีนกันได้ทัน ก่อนที่นักธุรกิจจีนจะกินหัวหินหางกินกลางตลอดตัวนะคะ