ส่งออกไทยมีแนวโน้ม 'ดีกว่าที่คาด'

ส่งออกไทยมีแนวโน้ม 'ดีกว่าที่คาด'

ส่งออกไทยมีแนวโน้มดีกว่าที่คาด

ตัวเลขจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ยอดส่งออกสินค้าของไทยในเดือน ธ.ค. 2559 เพิ่มขึ้น 6.2% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า และยอดส่งออกสินค้าในเดือน ม.ค. ปีนี้เพิ่มขึ้น 8.8% แต่ตัวเลขส่งออกสินค้าในเดือน ก.พ. กลับปรับตัวลดลง 2.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดี การลดลงของยอดส่งออกสินค้าในเดือน ก.พ. เป็นผลมาจากฐานสูง เนื่องจากในเดือน ก.พ. 2559 ทางญี่ปุ่นได้นำเฮลิคอปเตอร์ และยานพาหนะอื่นๆที่นำเข้ามาร่วมซ้อมรบกลับประเทศหลังจากการซ้อมรบเสร็จสิ้น ซึ่งรายการนี้ได้ถูกบันทึกเป็นยอดส่งออกสินค้า นอกจากนี้ ในเดือน ก.พ. ของปีที่แล้วมูลค่าการส่งออกทองคำก็อยู่ในระดับสูงด้วย ทั้งนี้ เมื่อไม่รวม 2 รายการนี้ ยอดส่งออกสินค้าในเดือน ก.พ. ปีนี้เพิ่มขึ้น 8.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

จะเห็นได้ว่า ยอดส่งออกสินค้าของไทยในเดือน ธ.ค. - ก.พ. ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี ทั้งนี้ การขยายตัวของการส่งออกสินค้าในเดือน ก.พ. มีการขยายตัวกระจายไปในหมวดสินค้าส่งออกหลักมากขึ้น และยอดส่งออกสู่ประเทศคู่ค้าที่สำคัญส่วนใหญ่ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะยอดส่งออกไปจีนที่โตสูงถึง 31.1% แต่อย่างไรก็ดี หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยยังคงคาดว่ายอดส่งออกของไทยในปีนี้อาจขยายตัวเพียง 1 – 3% เท่านั้น เนื่องจากหน่วยงานต่างๆยังคงไม่มั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และนโยบายกีดกันการค้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ทั้งนี้ การขยายตัวของการส่งออกไทยในช่วงที่ผ่านมา เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และสอดคล้องกับตัวเลขนำเข้าของประเทศผู้ผลิตและส่งออกหลัก ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการค้าในตลาดโลกกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยังคงมีสัญญาณเชิงบวกต่อทิศทางการค้าในตลาดโลก ได้แก่ การที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของหลายๆประเทศอยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายปี โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อใหม่เพื่อการส่งออก โดยเฉพาะในยูโรโซน ซึ่งเริ่มมีสัญญาณว่าผู้ผลิตเริ่มที่จะผลิตสินค้าส่งมอบไม่ทันกำหนด เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเข้ามามาก บ่งชี้ว่าการค้าในตลาดโลกยังคงขยายตัวต่อเนื่องในอีก 2 – 3 เดือนข้างหน้า และในหลายประเทศจะมีการลงทุนมากขึ้นเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น

ทิศทางการส่งออกของไทยมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นสอดคล้องกับทิศทางการค้าในตลาดโลกเช่นกัน โดยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมของไทยสำหรับเดือน ก.พ. ถึงแม้ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แต่ก็เป็นผลจากการสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐในช่วงปลายปี 2559 และความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่ากว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาค แต่ในส่วนที่เกี่ยวกับการส่งออก มีคำสั่งซื้อจากประเทศคู่ค้าหลักของไทยมากขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ในหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศ อุตสาหกรรมอาหาร ผลิตภัณฑ์ยาง ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่า การส่งออกของไทยมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น และยังคงกระจายไปในหลายหมวดสินค้า

ในส่วนของความกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่นายทรัมป์สั่งให้ตรวจสอบถึงสาเหตุที่สหรัฐฯขาดดุลการค้าให้กับไทยเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติแล้ว หากรัฐบาลสหรัฐฯจะกระทำการใดๆ ก็จะต้องเป็นไปตามหลักของ WTO กล่าวคือ การกีดกันทางการค้าไม่สามารถทำได้ง่ายนัก นอกจากนี้ นายทรัมป์เองก็เป็นนักธุรกิจ ความรู้ความเข้าใจของนายทรัมป์จึงมีอยู่แล้ว การที่นายทรัมป์พูดถึงการกีดกันทางการค้าน่าจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการหาเสียงสนับสนุนและสร้างความนิยมในตัวเขา รวมถึงเพื่อให้เกิดการเจรจาต่อรองเพื่อประโยชน์ทางด้านการค้าเท่านั้น ดังเช่นการที่สหรัฐฯมุ่งเป้าไปที่การค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งสุดท้ายอาจไม่มีการดำเนินการใดๆ เพราะนายทรัมป์เองก็มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับจีน โดยเฉพาะการที่ธนาคาร ICBC ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนเป็นผู้เช่ารายใหญ่ที่สุดของ Trump Tower (ราว 11% ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด และจะหมดสัญญาเช่าในปี 2019) ซึ่งนายทรัมป์เป็นผู้ดำเนินการเจรจาต่อรองด้วยตัวเอง และมักจะยกตัวอย่างถึงความสำเร็จในการชักชวน ICBC มาเป็นผู้เช่าใน Trump Tower ว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเขา

จากการประเมินโดยสมมุติว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าในช่วงเดือน มี.ค. - ธ.ค. ปีนี้ มีมูลค่าเท่ากับมูลค่าการส่งออกในเดือน ก.พ. ยอดส่งออกตลอดปีนี้จะโตราว 2.3%ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2552 – 2559 มูลค่าการส่งออกในเดือน ก.พ. มักจะเป็นเดือนที่มีมูลค่าต่ำเป็นอันดับ 2 ของแต่ละปี รองจากมูลค่าการส่งออกในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นเดือนที่มีวันหยุดจำนวนมาก ทั้งนี้ เมื่อดูจากแนวโน้มการขยายตัวของการค้าในตลาดโลก และทิศทางการส่งออกของไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น จึงมีโอกาสค่อนข้างสูงที่มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปีนี้จะขยายตัวมากกว่าที่คาดมาก