รับมือสถานการณ์การลงทุนร้อนๆ เดือนเมษายน

รับมือสถานการณ์การลงทุนร้อนๆ เดือนเมษายน

รับมือสถานการณ์การลงทุนร้อนๆ เดือนเมษายน

สวัสดีครับ หากเราจะพูดถึงสภาวะตลาดการเงินในปัจจุบัน ผมเชื่อว่าแม้หุ้นจะแพง แต่ใช่ว่าราคาหุ้นจะไม่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ตราสารหนี้แม้จะยังถูกกดดันจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้กำไรหาก FED ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ราคาทองคำแม้จะมีโอกาสปรับตัวลดลงจาก USD ที่แข็งค่า แต่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองก็มีโอกาสผลักดันราคาทองให้ดีดตัวสูงขึ้นได้ 

ดังนั้นหากจะต้องตอบคำถามว่า สถานการณ์แบบนี้ควรลงทุนกองทุนอะไรดี คำตอบของผมคงจะไม่เน้นไปที่การลงทุนในกองทุนเพียงกองทุนใดกองทุนหนึ่ง แต่จะแนะนำให้จัดพอร์ตครับ เพราะผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดสรรเงินทุนตามระดับความเสี่ยงที่เรารับได้น่าจะเป็นวิธีที่ทำให้เรามีโอกาสบรรลุเป้าหมายในระยะยาวได้มากที่สุด แต่กระนั้นผมก็ยังเชื่อว่า หากเราเห็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจมากๆแล้ว ปล่อยโอกาสนั้นให้ผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรกับมันเลยคงน่าเสียดายน่าดู ดังนั้นหากเราจะแบ่งเงินลงทุนสัก 10-20 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตมาจับจังหวะบ้าง เมื่อเวลาที่เห็นโอกาสก็ดูไม่เลวเลยทีเดียว ซึ่งในขณะนี้ หนึ่งในเหตุการณ์ที่ตลาดให้ความสำคัญเป็นอย่างมากก็คงหนีไม่พ้นการเลือกในฝั่งยุโรปครับครับ

สาเหตุสำคัญที่การเลือกตั้งเป็นที่ถูกจับตาเป็นอย่างมาก ก็เป็นเพราะ หลังจากที่อังกฤษประกาศแยกตัวจากสหภาพยุโรป ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากประเทศสมาชิกอื่นๆ ก็เริ่มลุกขึ้นมาประกาศจุดยืนบนนโยบายฝั่งขวาจัด ที่จะพาตนเองออกจาก EU เช่นกัน เหตุการณ์ดังกล่าวได้จุดชนวนความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินที่อาจเกิดขึ้นหาก EU ล่มสลาย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกครั้งประชาชนเริ่มเทใจที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสายขวา เราก็มักจะเห็นการย่อตัวลงของราคาหุ้นในตลาดยุโรป อย่างการเลือกตั้งที่ตลาดน่าจะกังวลมากสุดในตอนนี้ ก็น่าจะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่จะเกิดขึ้นรอบแรกในวันที่ 23 เม.ย. และรอบที่สองในวันที่ 7 พ.ค. ซึ่งตลาดก็กังวลกันอยู่ว่าฝ่ายสนับสนุนฝั่งขวาอย่างพรรค National Front ของนาง มารีน เลอ แปน จะก้าวขึ้นมามีอำนาจและบทบาทในการนำพาฝรั่งเศสออกจากยูโรโซน จึงทำให้ในช่วงใกล้เลือกตั้ง ตลาดหุ้นยุโรปมีโอกาสผันผวน และย่อตัวลงจากความกังวลดังกล่าว 

แต่หากว่ากันตามจริงผมคิดว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์สุดโต่งอย่างการล่มสลายของ EU นั้นถือว่าเป็นไปได้ยากมาก เพราะหาก EU ล่มสลาย อาจทำให้ทุกฝ่ายต่างเสียประโยชน์มากกว่าได้ (lost-lost situation) ง่ายๆ ลองคิดสภาพว่าหากสหภาพยุโรป ไม่เป็นสหภาพยุโรปอีกต่อไป นักท่องเที่ยวต่างชาติจะลำบากขึ้นแค่ไหนหากต้องทำวีซ่าหลายๆ ใบเพื่อไปท่องเที่ยวในยุโรป การซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศในยูโรโซนจะยุ่งยากขึ้นไหมหากแต่ละประเทศต้องใช้เงินสกุลใครสกุลมัน ประเทศบางประเทศที่มีเทคโนโลยี แต่ขาดแคลนแรงงานจะเป็นอย่างไร? 

หากตัดเรื่องความกดดันทางการเมืองเหล่านี้ไป แล้วกลับมามองที่พื้นฐาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ที่เริ่มเป็นบวกมากขึ้น การจ้างงานเริ่มกลับมาแข็งแกร่ง ผลประกอบการภาคเอกชนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ฯลฯ ทำให้ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจในยุโรปยังมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างช้าๆต่อไป ในขณะที่เมื่อมองด้านราคา แม้ราคาหุ้นยุโรปจะไม่ได้ถูกนักเมื่อเทียบกับในอดีต แต่ก็นับว่ายังค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วด้วยกัน 

ดังนั้นถ้าถามว่าหุ้นในตลาดยุโรป ณ วันนี้ยังน่าลงทุนหรือไม่? ผมคงตอบว่า หุ้นในตลาดยุโรปนั้นเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ผมจับตามองเป็นพิเศษ และเชื่อว่ายังเข้าไปลงทุนได้ แต่ถ้าจะให้ดีผมแนะนำหากต้องการเพิ่มสัดส่วน ควรจะรอโอกาสเข้าสะสมในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลงจากความกดดันในช่วงเลือกตั้งครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับมุมมองและคำแนะนำในการลงทุนสไตล์ Phillip Fund Supermart ในวันนี้ ก่อนจะจากผมอยากจะขอยืมคำคมจาก “ต้นแบบ” ทางการลงทุนของใครหลายคนอย่างWarren Buffett ว่า Be fearful when others are greedy and greedy when others are fearful จงกลัวในขณะที่คนอื่นกล้า และกล้าในขณะที่คนอื่นกลัว... 

ขอให้โชคดีในการลงทุน และสวัสดีครับ