โลกการค้ายุคดิจิทัล โอกาสและภัยคุกคาม

 ที่คลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงถาโถมเข้ามารอบด้าน และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่างจากอดีตการปรับเปลี่ยนอาจกินรอบเวลายาว 10-20 ปี ด้วยอิทธิพลของเทคโนโลยีส่งผลต่อโลกการค้าใน 10 ปีข้างหน้า อาจจะเปลี่ยนแปลงมากกว่า 50 ปีที่ผ่านมาเลยก็เป็นได้ 

ก้าวย่างโลกการค้ายุคดิจิทัลเป็นความท้าทายผู้ประกอบการในแต่ละธุรกิจ อุตสาหกรรม ที่จะต้องรีเซ็ทใหม่ทั้งกระบวนความคิด กระบวนการบริหารจัดการ วัฒนธรรมองค์กร ยุทธศาสตร์หรือโรดแมพขับเคลื่อน เพื่อสร้างโอกาสและการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคง ยั่งยืน 

โลกการค้าแบบเดิมๆ ที่เราเรียกขานกันว่าธุรกิจออฟไลฟ์ หรือ โลกของ Brick-and-mortar กำลังถูกแพลตฟอร์มธุรกิจออนไลน์ ที่ย่อทุกสิ่งทุกอย่างไว้เพียงปลายนิ้วคลิ๊ก เป็น “โลกเสมือนจริง” บนเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ 

โดยผลการสำรวจพบว่าปัจจุบันมีการใช้โทรศัพท์มือถือ 82.8 ล้านเครื่อง หรือเฉลี่ย 1 คนต่อ 1.2 เครื่อง  64%  ของผู้ใหญ่มีสมาร์ทโฟนเป็นของตนเอง มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียผ่านโทรศัพท์มือถือถึง 40 ล้านคน  4.45 ชั่วโมง คือ เวลาเฉลี่ยในการท่องโลกอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ และ 44% ซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์ในช่วงเวลา 30 วันที่ผ่านมา  

ขณะที่โซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ เฟซบุ๊ก ยูทูป ไลน์ อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ ตามลำดับ โดยเฉพาะ ่“ไลน์”  เป็น 1 ใน 3 ของโซเชียลมีเดียที่มีคนใช้บริการมากที่สุด เฉลี่ย 70 นาทีต่อวัน และเป็นแอพพลิเคชันการสนทนาที่มีผู้ใช้มากที่สุดในประเทศไทย โดยคนไทยถึง 83% หรือมากกว่า 33 ล้านคนใช้แอพพลิเคชั่นนี้

วิถีชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ผู้ประกอบการ จะต้องกลับมาพิจารณาแพลตฟอร์มธุรกิจอย่างไร ไม่ให้สูญเสียโอกาสทางการตลาดและฐานลูกค้าในยุค 4.0 ที่พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน พร้อมจะหันสู่ “ทางเลือกใหม่” ที่อำนวยความสะดวกได้ดีกว่า 

ผู้บริโภคยุค 4.0 หรือ ไม่ได้ต้องการแค่สินค้าหรือบริการ หากแต่ต้องการประสบการณ์ใหม่ที่อยู่ในกระแส หรือนำกระแส ต้องการความสะดวกสบาย รวดเร็ว รวมถึงการดูแลและตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล ประการสำคัญลูกค้ายุคปัจจุบันยังมีความชำนาญในการใช้เทคโนโลยี มีความรู้มหาศาล มีประสบการณ์มากกว่าคนทำธุรกิจ

แม้แต่ธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่าง “เซ็นทรัล” ยังหวั่นไหวกับการรุกคืบของธุรกิจออนไลน์ต้องปฎิวัติยุทธศาสตร์ใหม่ “ดิจิทัล เซ็นทราลิตี้” มุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ “ต่อยอด-เชื่อมโยง” ความได้เปรียบจากแพลตฟอร์มออฟไลน์ที่มีฐานลูกค้าจำนวนมาก ซัพพลายเออร์ และคู่ค้าแบรนด์ต่างๆ ในมือ ให้เชื่อมกันได้แบบไร้รอยต่อด้วยช่องทางหลากหลายทั้งออฟไลน์ออนไลน์ หรือที่เรียกว่า  ออมนิแชนแนล  

นับเป็นโมเดลการปรับตัวที่น่าศึกษาไม่น้อย เพราะภัยคุกคามในรูปแบบเทคโนโลยีในเวลานี้ อาจจะยังจับต้องไม่ได้มาก แต่พลังแห่งความเร็วน่าจะพลิกโฉมธุรกิจได้แบบฉับพลันทีเดียว