'ฝีมือ' กับ 'วิธีคิด'

'ฝีมือ' กับ 'วิธีคิด'

ไม่มีใครรู้สึกแปลกใจกันบ้างหรือครับ ว่าทำไมบ้านเรามี อุบัติเหตุรถตกจากทางด่วน หรือไม่ก็สิ่งของ

 ตู้คอนเทนเนอร์ เกิดขึ้นขึ้นหลายครั้ง หรือว่าความที่เกิดบ่อย ทำให้กลายเป็นเรื่องชินชาไปแล้ว ทั้งที่มันก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อทั้งชีวิต และทรัพย์สิน 

และสิ่งที่มักจะได้ยินบ่อยครั้งก็คือ การมาวิเคราะห์วิจารณ์คุณภาพของรถรุ่นนั้นรุ่นนี้ ว่าช่วยปกป้องชีวิตได้ ซึ่งก็คงมีส่วน หรือบางแง่มุมก็ไปพูดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พูดถึงดวง แต่สิ่งที่ทุกคนน่าจะอยากได้ยินมากกว่าก็คือ แนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรม และเห็นผลจริง

ในบางประเทศเข้มงวดกับการใช้ความเร็วบนทางด่วนอย่างจริงจัง เพราะเขาถือว่าเป็นพื้นที่พิเศษ หากเกิดอุบัติเหตุ การเข้าถึงเพื่อช่วยเหลือล่าช้ากว่าเส้นทางปกติทั่่วไป นี่ขนาดว่าหลายๆ ประเทศเขาขับรถมีวินัยนะครับ ไหล่ทางไม่วิ่ง เก็บเอาไว้ในรถที่เสียจอด หรือรถช่วยเหลือ เช่น รถพยาบาล รถกู้ภัย รถตำรวจ เอาไว้ใช้กรณีฉุกเฉิน 

ส่วนบ้านเราก็อย่างที่เห็นๆ กัน ถนนมี 2 เลน ก็วิ่งกัน 3 หรือ 4 แถว เมื่อเกิดเหตุแต่ละครั้ง การเข้าถึงเพื่อช่วยเหลือจึงทำได้ยากเย็น ​

กรณีที่เกิดขึ้นล่าสุด คือ รถปกอัพเบียดกับรถแท็กซี่ จนรถปิกอัพเสียหลักตกลงมาจากทางด่วน ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิด กล้องหน้ารถให้เห็นกันหลายมุม ส่วนใครจะผิดจะถูก คงอยู่ที่การสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ จะเป็นคนตัดสินออกมา 

แต่สิ่งที่อยากจะพูดในวันนี้ก็คือ ความเข้าใจในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน (ต้องมีคำว่าร่วมกันด้วยนะครับ) ของผู้คนในบ้านเรา ค่อนข้างมีปัญหา ซึ่งไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้ แต่มีอีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดอุบัติเหตุ หรือว่า เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ขับขี่ด้วยกัน 

ไปอ่านเจอพี่ในวงการสื่อยานยนต์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับรถยนต์ “วรพล สิงห์เขียวพงษ์” โพสต์่ในเฟซบุ๊คไว้น่าสนใจ มีใจความว่า “การขับรถให้ปลอดภัย อยู่ที่วิธีคิด มากกว่าฝีมือ” 

คำนี้ผมว่าเข้ากันมากกับสังคมคนใช้รถจำนวนมากในบ้านเรา

อย่างกรณีล่าสุดหากคนขับปิกอัพเห็นรถแท็กซี่ กำลังจะแทรกเข้ามาในช่องทางของตัวเอง ถ้าคิดว่าผ่อนคันเร่งหรือเบรกให้เขาเข้ามา หรือหาทางหลบไปช่องทางอื่น เหตุร้ายก็จะไม่เกิด เช่นเดียวกัน หากแท็กซี่จะปรับวิธีคิดใหม่ ว่าการจะเข้าสู่ช่องทางหลัก ควรจะประเมินความเร็วรถที่กำลังมา หรือไม่ก็อาจจะต้องรอให้พื้นที่ตรงนั้นว่างจริงๆ ก่อน แล้วจึงค่อยเข้ามา

แต่ว่าคนขับรถบ้านเราจำนวนไม่น้อยมักมีความคิด เรื่องทางเอก ทางโท คิดถึงกำลังแรงม้าความแรงในรถตัวเอง คิดว่ามีฝีไม้ลายมือในการขับขี่ควบคุมรถได้ดีในทุกสถานการณ์ ทุกความเร็ว คิดว่าถ้ามาก่อนต้องไปก่อน คิดว่ามาที่หลังแต่ไปได้ไวกว่าคนมาก่อนเป็นยอดฝีมือ ได้รับการยอมรับจากเพื่อนฝูง แล้วไปคุุยกันขโมงโฉงเฉง

จะกระซิบให้นิดหนึ่งว่า พวกที่เขาขับรถเก่งจริงๆ นั้นไม่ค่อยอวดฝีมือกันหรอก

และอย่างที่คุณวรพลว่าไว้ คือ ต่อให้มีฝีมือย่างไร ถ้าวิธีคิดมันผิด โอกาสพลาดก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย 

ที่เลวร้ายกว่านั้น คือ ผมกลัวว่ามันจะมีคนประเภท ฝีมือก็ไม่ดี วิธีคิดก็ไม่เข้าท่า อยู่หลังพวงมาลัยรถเกลื่อนท้องถนนน่ะสิครับ