'ค่ายมือถือ'ระอุ

'ค่ายมือถือ'ระอุ

น่าจับตาไม่น้อยเมื่อพี่ใหญ่อย่าง “เอไอเอส” คว้าเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์ คอนเทนท์ความบันเทิงระดับโลก

มาไว้ในอ้อมกอดรวดเดียวมากมายหลายราย ไม่ว่าจะเป็น เอชบีโอ ฟ็อกซ์ เอ็นบีเอ และล่าสุด คือ เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ผู้ให้บริการดูภาพยนต์ออนไลน์ชั้นนำสหรัฐ ที่ไปประกาศความร่วมมือกันที่งานโมบาย เวิลด์ คองเกรส ที่บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน เป็น

เอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์ ที่น่าจะทำให้ตลาดคอนเทนท์คึกคักเป็นอย่างยิ่ง

ปัจจุบัน เอไอเอส ยังครองมาร์เก็ตแชร์ในไทยเกิน 50% ของตลาด ด้วยลูกค้าทั้งหมดกว่า 40 ล้านราย คือ ทิ้งห่างคู่แข่งอันดับ 2 และ อันดับ 3 เป็นหลัก 10-20 ล้านรายเลยทีเดียว ขณะที่ ข้อมูล ระบุว่า ปีที่ผ่านมาเฉพาะลูกค้าเอไอเอสมียอดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านมือถือสูงถึง 24 ล้านราย จากจำนวนดังกล่าว 12 ล้านราย ใช้งานผ่านมือถือ 4จี ใช้อินเทอร์เน็ตวันละ 6 ชั่วโมง ทั้งพบว่าชมวีดิโอถึง 10 ล้านคลิปต่อวัน อัพโหลดภาพวันละ 1.8 ล้านภาพ

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง คนดูทีวีน้อยลง ยิ่งกลุ่มวัยรุ่นยิ่งไม่ดู คนเสพสื่อที่เป็น Traditional น้อยลงมากเรื่อยๆ แล้วหันมาเสพคอนเทนท์ที่ดูได้ผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแทน ไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟน แต่รวมถึงโทรทัศน์ ที่ไม่ต้องอาศัยดาวเทียม เคเบิล แค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ คุณก็สามารถเสพคอนเทนท์ได้หลากหลายประเภทบนโลกใบนี้ ผู้ให้บริการคอนเทนท์ ผู้ผลิตคอนเทนท์ ต้องปรับตัวกันยิ่งกว่า 360 องศา

“ปรัธนา ลีลพนัง” รักษาการ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส กล่าวก่อนหน้านี้ว่า แนวโน้มคอนเทนท์ความบันเทิงผ่านสมาร์ทโฟน และโทรทัศน์เชื่อมอินเทอร์เน็ตจากนี้ จะเห็นการแข่งขันของผู้ให้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น ตอบโจทย์พฤติกรรมการดูคอนเทนท์ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะบนอุปกรณ์ที่สามารถเปิดดูได้ทุกที่ แบ่งเป็นฟรี คอนเทนท์ และพรีเมียม คอนเทนท์

ในสหรัฐ พรีเมียม คอนเทนท์ ที่วิ่งอยู่บนทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตมีสูงถึง 70% ขณะที่ในไทยสัดส่วนยังน้อย ถ้าเทียบกับปริมาณการใช้งานดาต้าในไทยบนเครือข่ายที่แม้จะเติบโตสูงขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นการใช้งานด้านโซเชียลเป็นหลัก

วันนี้ไทยยังขาดพรีเมียมคอนเทนท์บนมือถือ ส่วนใหญ่คอนเทนท์เหล่านี้ ยังอยู่บนระบบเคเบิล และดาวเทียม ในอนาคตเชื่อว่า พรีเมียมคอนเทนท์ผ่านออนไลน์ในไทย จะมีแนวโน้มเติบโตเป็นเท่าตัว ขณะที่ฟรี คอนเทนท์ที่แต่เดิมผ่านทีวี จะขึ้นมาอยู่บนอินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงมาก ซึ่้งปัจจุบันผู้ชมฟรีคอนเทนท์ผ่านช่องทางอย่างยูทูบ มีการเติบโตมากถึง 30%

ขณะที่ช่องทางหลักของพรีเมียมคอนเทนท์เดิมอย่างเคเบิล หรือดาวเทียม จะหันมาใช้ช่องทางออนไลน์ผสมผสานสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น

แนวโน้มการเติบโตของวิดีโอคอนเทนท์ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 30-40% ในอีกหลายปีข้างหน้า เพราะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มวิดีโอต่างๆ เริ่มนำวิธีอย่างการเล่นวิดีโอคอนเทนท์อัตโนมัติบนหน้าฟีด ‘เฟซบุ๊ค’ มาใช้งานมากขึ้น

น่าจับตาการแข่งขันในสมรภูมินี้ยิ่งนัก