คัมภีร์อยู่รอดปี 2560 มองร้ายเพื่อผลบวก
นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง จะก้าวสู่ปีใหม่ 2560
ที่ตามธรรมเนียมแนวคิดและวิถีปฎิบัติ มักจะบอกกล่าวกันว่าให้ทิ้งสิ่งไม่ดีไว้กับปีเก่า ที่กำลังจะผ่านพ้นไป เริ่มต้นกับ “ปีใหม่” ที่ต้องดีกว่าเก่า หากแต่สถานการณ์ที่ต้องเผชิญในรอบหลายปีที่ผ่านมา อาจต้องเปลี่ยนมุมคิดยอมมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้น
ข้อดีของการมองโลกในแง่ร้าย น่าจะให้เกิดความตื่นตัว ก้าวเดินอย่างระมัดระวังมากกว่ามองอะไรสวยงามไปหมด ท่ามกลางปัญหาที่ยังรายล้อมรอบด้าน ภาคประชาชน เอกชน และรัฐบาล ยังต้องเตรียมรับมือภาวะการณ์ที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ปัจจัยลบและปัจจัยเสี่ยงที่ไม่น้อยไปกว่าปัจจัยบวก
หากย้อนพิจารณารอบปี 2559 ที่เคยคาดการณ์ว่าน่าจะดีกว่าปี 2558 กลับมีความผันผวนทั่วโลก ตลาดหุ้น ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ราคาขึ้นลงแรง มหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างจีน ยังไม่นิ่ง ขณะที่การบริโภคในประเทศชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ภาคเกษตรประสบปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ราคาพืชผลตกต่ำ รวมทั้งบรรยากาศโศกเศร้าของประชาชนชาวไทยช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้
ปี 2560 คาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะมีการเติบโตได้ดีกว่าปีนี้ จากแรงขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ ทั้งเร่งรัดการการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ การส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐ ภาคการส่งออกที่อาจจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ เอื้ออำนวยต่อการลงทุนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
อีกฟันเฟืองสำคัญ คือ การขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวแห่งภูมิภาค แต่ละปีมีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 30 ล้านคนในปีนี้ คาดว่าจะแตะ 40-45 ล้านคน ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า โดยไทยวางยุทธศาสตร์มุ่งจับตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ การวางมาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ธุรกิจทัวร์ผิดกฎหมายต่างๆ จะเริ่มส่งผลดีขึ้นตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ในภาพใหญ่เศรษฐกิจไทยยังอาจต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง ของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่อาจมีความล่าช้า จากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ กระบวนการของการที่สหราชอาณาจักรจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ความผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุน จากความแตกต่างของนโยบายเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ กระทบค่าเงินบาทให้มีความผันผวนตาม
เราจะเตรียมรับมือกันอย่างไร? องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่บริหารแบบมืออาชีพ อาจไม่น่ากังวลเท่าผู้ประกอบการขนาดเล็ก และย่อมที่เปิดตัวสู่ตลาดจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ยังอยู่ในช่วงการของ “ตั้งไข่” เส้นทางที่จะเดินหน้าเติบใหญ่ต้องใช้กำลังมากกว่าปกติ สูตรของหลายซีอีโอ บอกว่า ต้องมอง “กรณีเลวร้ายที่สุด” ไว้พอๆ กับ “โอกาสธุรกิจ” บางวิกฤติอาจเป็นโอกาส แต่บางโอกาสอาจก่อให้เกิดวิกฤติได้เช่นกัน
สถานการณ์ที่กำลังซื้อในตลาดหายไป ส่งผลยอดขายลดลง ทำให้กิจการขาดสภาพคล่อง หากไม่สามารถบริหารจัดการให้ธุรกิจกลับมามีสภาพคล่องได้ย่อมส่งผลกระทบนำสู่การปิดกิจการในที่สุด
ภูมิคุ้มกันที่สำคัญ คือ “สภาพคล่องทางการเงิน” ที่ไม่ต่างอะไรจากหัวใจของธุรกิจ เป็นตัวชี้วัดสุขภาพธุรกิจว่าอ่อนแอ หรือแข็งแกร่งมากน้อยอย่างไร เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่จะนำพาธุรกิจประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว