2560 ถึงเวลานอกกรอบ

2560 ถึงเวลานอกกรอบ

ผมไม่แน่ใจว่าบทความนี้ท่านผู้อ่านจะได้อ่านก่อนปีใหม่หรือหลังปีใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม คงอยู่ในช่วงเวลาของการเริ่มต้นปี 2560

ถึงแม้จะเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนกับการเริ่มต้นปีใหม่ของทุกๆปีเพราะเรายังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน 

สำหรับผมขอให้พระองค์เป็นแสงสว่างที่จะส่องนำทางปวงชนชาวไทยมาสู่ความรุ่งโรจน์ในปีใหม่นี้ 

สำหรับตัวผมเองเริ่มต้นปีใหม่นี้ด้วยพลังในตัวใหม่เพราะผมรู้สึกว่าเราคงจะต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นต้องดีกว่าปีที่แล้วซึ่งถ้าทุกคนทำได้ก็จะช่วยให้สังคมเราดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว ซึ่งก็จะทำให้พระองค์ท่านที่เฝ้ามองพวกเราอยู่บนฟ้าคงมีความสุขขึ้น 

ผมเองเชื่อว่าถึงเวลาที่ประเทศไทย จะออกจากกรอบที่เราทำผ่านๆมาตลอด 20 ปี เพราะเราไม่ได้ติดอาวุธใหม่ๆให้กับประเทศเลย 

ยุคนั้นการพัฒนา Eastern Seaboard ถือเป็นการติดอาวุธประเทศครั้งสำคัญไม่ใช่แค่ท่าเรือเท่านั้นแต่อุตสาหกรรรมปิโตรเคมีที่ก้าวเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงโรงประกอบรถยนต์ที่อยู่ภาคตะวันออกของประเทศ 

วันนี้เราต้องออกมาจากกรอบนี้แล้วรัฐบาลไทยกำลังลงทุนครั้งใหม่กับการพัฒนาระบบขนส่งระบบรางซึ่งจะทยอยเสร็จไปเรื่อยๆนับตั้งแต่ระบบขนส่งภายในกรุงเทพฯที่จะเชื่อมโยงไปยังจังหวัด และปริมณฑลต่างๆ ซึ่งกำลังจะเสร็จในอีก2-3 ปีข้างหน้า รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงที่เริ่มลงมือแล้วบางส่วนซึ่งภายใน 5 ปีนี้คงเสร็จแน่นอน 

การขยายทางด่วนไปยังภาคตะวันตกทางจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะทำให้เราเชื่อมการเดินทางจากเมียนมาเพื่อนบ้านของเราได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมและยังสามารถเดินทางลงภาคใต้เพิ่มขึ้นอีกทาง เอาว่าแค่วาดภาพในหัวเรา ณ วันนี้เราต้องมาคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงของประเทศเราซึ่งจะส่งผลมายังชีวิตเราอย่างแน่นอน 

ชีวิตสำหรับคนที่ทำงานในกรุงเทพฯ ก็จะไม่จำเป็นต้องมาซื้อคอนโดราคาแพงในใจกลางกรุงเทพกลับไปนอนบ้านพ่อแม่ชานเมืองได้ ค่าครองชีพก็จะไม่แพงเหมือนมาอยู่กรุงเทพฯคุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้น คอนโดตามแนวรถไฟฟ้าจะขยายออกไปชานเมือง ซึ่งจะได้พื้นที่ใหญ่ขึ้นในราคาที่สมเหตุผล รวมถึงเราอาจจะมี Office Space ออกไปชานเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่ไม่ต้องติดต่อลูกค้าในเมืองและแน่นอนโรงงานต่างๆมีโอกาสที่ไม่ต้องมากระจุกตัวในกรุงเทพเหมือนที่เป็นมา คนจะใช้รถยนต์น้อยลง เดินมากขึ้น รองเท้าขายดีแน่นอนโดยเฉพาะ Walking shoes 

นอกจากนั้น ร้านค้าที่เป็นตึกแถวจะกลับมาคืนชีพมากขึ้นเพราะคนที่ลงจากรถไฟฟ้าจะเดินซื้อของซื้อของทานจากร้านเล็กๆมากยิ่งขึ้นดูอย่างโตเกียว ปารีส ลอนดอน นิวยอร์ก จะเป็นแบบนี้หมดเลย นั่นคือโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นเพราะเดิมทีคนไทยเดินห้างอย่างเดียวเพราะไปไหนต้องใช้รถ รถต้องมีที่จอดแต่พอเดินทางด้วยระบบรางก็จะต้องเดินมากขึ้น 

นั่นหมายถึงโอกาสของธุรกิจตึกแถวที่เคยตายไปแล้วจะกลับมาอีกครั้ง รวมถึงบรรดาสินค้าโอทอปก็จะกลับมาเกิดได้จริงแบบในญี่ปุ่นครับ เพราะถ้าทุกอย่างอยู่ในห้างโอกาสเกิดไม่มีเลยเพราะสู้ต้นทุนไม่ได้จริงๆ ผมเองมองเห็นโอกาสมหาศาลของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่าเราจะสามารถทำมาหากินในรูปแบบใหม่ๆให้เกิดขึ้น ผมเคยบอกเมื่อเกือบสิบปีว่าอีกหน่อยผู้ชายจะต้องมีกระเป๋า และวันนี้ผู้ชายต้องสะพายกระเป๋ากันทุกคนเพราะเหตุผลว่าอุปกรณ์ต่อเนื่องจากโทรศัพท์นั้นเอง ซึ่งนับวันมันกลายเป็นความจำเป็นอย่างที่เราขาดมันไม่ได้เลยยิ่งอีกหน่อยมันจะแทนบัตรเครดิต แทนเงินสด แทนทุกอย่างเลย 

เพราะวันนี้ในยุโรป Boarding pass อยู่ในมือถือหมดแล้วไม่จำเป็นต้องปริ้นท์ให้เสียเวลาเสียเงิน หรือแม้กระทั่งไปดูโชว์ในมาเก๊าก็ใช้แค่ใช้อีเมลไปโชว์ก็จบ 

เดี๋ยวนี้ผมเดินทางก็ไม่มีเอกสารอะไรแล้วนอกจากพาสปอร์ตเล่มเดียว อีกอย่างที่จะเปลี่ยนไปในประเทศไทยคือค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและการขาดแคลนแรงงานในประเทศไทยก็จะทำให้เรามีเครื่องมือใหม่ๆมาใช้แทนคนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องล้างจาน เครื่องขายของต่างๆ อย่าง Vending Machine ในญี่ปุ่นน่าจะเป็นเจ้าแห่ง Vending Machine คือ ขายทุกอย่างของร้อนของเย็น บะหมี่ ขายหมดทุกอย่าง และขายทุกที่จริงๆ แม้กระทั่งกางเกงชั้นในก็ตาม

นี่คือตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นกับประเทศของเราและตัวของคุณบางคนอาจจะรู้แล้วบางคนอาจจะยังไม่ทราบ ผมเองพยายามวาดภาพว่าจะเกิดผลอย่างไรบ้างโดยเทียบกับต่างประเทศ แต่ใครจะได้ใครจะเสียขึ้นกับเราจะใช้โอกาสนี้อย่างไรมากกว่า ลองเดินออกจากกรอบความคิดเดิมๆมาดูโอกาสใหม่ๆในชีวิตคุณที่กำลังเข้ามา

แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตนอกกรอบมันยิ่งใหญ่กว่าที่คิดเยอะ