อยากรวย ต้องเปลี่ยน...“ทัศนคติ”

อยากรวย ต้องเปลี่ยน...“ทัศนคติ”

ในชีวิตจริง คุณผู้อ่านหลายท่านคงจะเคยเห็นภาพ “คนจน...ยิ่งจน คนรวย...ยิ่งรวย” กันมา

บ้างแล้ว และเหตุการณ์เหล่านั้นก็ดำเนินไปเป็นวัฏจักรให้เราได้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า โดยผมมีข้อสังเกตในการสนับสนุนความคิดเห็นข้างต้น ดังนี้ครับ

หนึ่ง ปรากฎการณ์แมทธิว (Matthew Effect)

ในเชิงสังคมวิทยามีปรากฎการณ์หนึ่งที่เรียกว่า ปรากฎการณ์แมทธิว (Matthew Effect) โดยทั่วไปปรากฎการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อสังคมเกิดความลำเอียง และไปให้ความเชื่อถือแก่คนหรือเหตุการณ์ที่สังคมคิดว่าจะเป็นเช่นนั้น โดยที่สังคมจะไม่ยอมค้นหาข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นเสียก่อน

ในกรณีที่จะต้องใช้ความเชื่อถือ เช่น การหยิบยืมเงิน หรือการกู้เงินจากสถาบันการเงินหรือจากคนที่รู้จัก คนจนก็มักจะถูกกีดกัน หรือหากให้กู้...ก็จะต้องกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก ด้วยเหตุดังกล่าว ก็จะยิ่งทำให้คนจนมีความยากลำบากในการประกอบธุรกิจ และมีต้นทุนในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้น...กำไรก็จะน้อยลง...หรืออาจขาดทุนไปเลยก็เป็นได้ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คนจนมีโอกาสที่จะ...ยิ่งจนลงไปอีก

ในขณะที่คนรวยมักจะได้เครดิตจากสถาบันการเงินและสังคมมากกว่า ทั้งๆที่ในบางครั้งโครงการธุรกิจที่คนรวยอยากจะทำนั้นก็มีความเสี่ยงสูง แต่ด้วยความเชื่อถือของสถาบันการเงินที่มีต่อคนรวยก็ทำให้คนรวยสามารถที่จะกู้เงินไปได้ นอกจากนั้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่คนรวยได้รับก็มักจะอยู่ในอัตราที่ต่ำ และนั่นเป็นเหตุผลสำหรับคำถามที่ว่า ทำไม? คนรวย...ยิ่งรวย

สอง ระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ (Modern Economics)

ในสังคมทั่วไปจะมีชนชั้นอยู่ด้วยกัน 3 ชนชั้นคือ ชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง และชนชั้นล่าง ชนชั้นกลางมักจะเป็นชนชั้นที่จะพยายามไข่วคว้าหาทรัพย์สมบัติและอำนาจ เพื่อที่จะถีบตัวเองขึ้นมาเป็นชนชั้นสูงให้ได้ แต่ด้วยระบบทุนนิยมที่เกิดขึ้น...ก็จะทำให้เกิดสภาพการแข่งขันทางการค้าที่รุนแรง และนำไปสู่การแข่งขันทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม ...มีการกีดกันทางการค้า ...มีการกีดกันการสนับสนุนแหล่งเงินกู้ และอื่นๆ

ผลสุดท้าย...ที่ออกมามักจะพบว่า กิจการของพ่อค้ารายเล็กมักจะประสบกับปัญหาการล้มละลาย ตามมาด้วยการเข้าครอบครองกิจการโดยพ่อค้ารายใหญ่...ครั้งแล้ว...ครั้งเล่า ในที่สุดก็จะทำให้สังคมแปรเปลี่ยนไป และชนชั้นกลางก็จะค่อยๆหายไปจากสังคม เหลือไว้แต่เพียงชนชั้นสูง...และชนชั้นต่ำ หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า ในสังคมก็จะเหลือเพียงแต่...คนรวย...และคนจนเท่านั้น

สาม ทัศนคติในการจัดการเรื่องเงินของ...คนจน

คนจนมักจะมีแนวความคิดในการจัดการเรื่องเงินที่แตกต่างจากคนรวย โดยเมื่อคนจนได้เงินมาแล้ว พวกเขามักจะคิดถึงแต่วิธีการที่จะจ่ายหนี้สินต่างๆ เช่น วิธีการที่จะจ่ายบัตรเครดิต..ใบแจ้งหนี้..และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย

หลังจากที่พวกเขาได้จ่ายหนี้สินต่างๆไปหมดแล้ว พวกเขาก็มักจะไม่เหลือเงินเอาไว้เก็บออมเลย ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาคิดจะทำต่อไปก็คือ จะหาเงินอย่างไรต่อไปล่ะ? เพื่อที่จะมาจ่ายหนี้สินที่กำลังจะมาอีกในเวลาอันใกล้นี้

คนจนมักจะมีทัศนคติที่ว่า เมื่อคนจนมีรายได้ไม่ว่าจะมาจากเงินเดือนหรือรายได้เสริมนั้น หลังจากมีเงินเข้ามาแล้ว...คนจนก็มักจะใช้จ่ายไปกับสิ่งของที่จำเป็นและสิ่งของที่ไม่จำเป็น...จนเงินหมด ทำให้เงินออมมีค่าเป็นศูนย์หรือบางเดือนติดลบ จากนั้นก็จะมีค่าใช้จ่ายใหม่ๆเข้ามาเรื่อยๆ บีบบังคับให้คนจนต้องรีบขวนขวายหารายได้ใหม่หรือกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำมาใช้จ่าย ในที่สุดก็กลายเป็นวัฏจักร ซึ่งอาจเรียกวัฏจักรนี้ว่า วัฏจักรแห่ง...ความจนดักดาน

สี่ ทำไม? คนรวย...ยิ่งรวย

ทัศนคติที่แทบจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงของคนรวย ก็ได้ทำให้คนรวยสามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเองได้อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้คนรวยมีแนวโน้มที่จะยิ่งรวยขึ้นไปอีก โดยทัศนคติที่สำคัญที่สุดของคนรวยก็คือ ความคิดที่อยากจะเก็บออม

เนื่องจากคนรวยมักจะมีความสุขที่ได้...อยู่กับความมั่งคั่ง ...อยู่กับการที่มีเงินอยู่กับตนเป็นจำนวนมาก ...อยู่กับความมั่นคงในการดำเนินชีวิต สิ่งเหล่านี้ทำให้คนรวย...ชอบที่จะแสวงหาความร่ำรวยอยู่ร่ำไป โดยการนำเงินที่ตนมีอยู่ไปแสวงหาโอกาสที่จะทำให้เงินของตนเกิดดอกออกผลมากขึ้น

เมื่อคนรวยได้เงินมาแล้ว คนรวยก็จะเก็บ “เงินออม” ขึ้นมาทันที ซึ่งอาจจะเป็น 30% หรือ 50% เป็นต้น จากนั้นเงินที่จะต้องใช้จ่ายก็จะเหลือน้อย จึงทำให้ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น เงินออมเมื่อ...ผ่านเวลาที่ยาวนาน ก็จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆจนมีขนาดใหญ่เพียงพอ จากนั้นก็จะนำเงินไปสร้างเครื่องจักรที่จะสร้างให้เกิด รายได้ที่ไม่ต้องทำงาน

ดังนั้น การแก้ปัญหาคนจนที่ดีที่สุดคือ การ ปรับทัศนคติโดยให้ คนจนเริ่มมีทัศนคติในการหาเงินและใช้จ่ายเงินอย่าง คนรวย

ทัศนคติ จึงเป็นสิ่งแรกที่จะต้องแก้ไข เมื่อปรับได้แล้ว...คนจนก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และในที่สุดก็จะสามารถหลุดพ้นจากความเป็นคนจนไปได้