ประท้วงผลเลือกตั้ง ที่'สหรัฐ'

ประท้วงผลเลือกตั้ง ที่'สหรัฐ'

เหตุชุมนุมประท้วงในหลายเมืองของสหรัฐอเมริกา อาทิ นิวยอร์ก ชิคาโก เดนเวอร์ ดัลลาส โอคแลนด์

 ซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลีส หลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจะพรรครีพับลิกัน มีชัยเหนือนางฮิลลารี  คลินตัน จากพรรคเดโมแครต

ย้ำว่าประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ คือ “โดนัลด์ ทรัมป์” มหาเศรษฐีอสังหาฯผู้โผงผาง แม้จะมีคนไม่ชอบเขาจำนวนมาก 

แต่นี่คือ ผลการเลือกตั้งที่ประชาชนสหรัฐทั้ง 50 รัฐ ร่วมกันตัดสินชะตากรรมประเทศของตนเอง ความจริงตามหลักประชาธิปไตย โดยแท้

ทว่า เหตุการณ์ชุมนุมประท้วง กลับย้อนแย้งว่าผู้คนบางส่วนไม่เคารพต่อผลการเลือกตั้ง 

เกิดอะไรขึ้นกับประเทศที่บอกชาวโลกว่า “ยึดมั่นในเสียงข้างมาก”  

ส่วนสำคัญอาจเป็นเพราะนโยบายที่สุดโต่ง”ของทรัมป์ในการหาเสียง ที่ดูจะ ไม่มีตรงกลาง ทำให้เกิดทั้ง “ผู้ได้ประโยชน์” และ “ผู้เสียประโยชน์” อย่างชัดเจน หากทรัมป์ ทำตามที่พูดไว้เมื่อครั้งรณรงค์หาเสียง เช่น 

มหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 1 อย่างสหรัฐ จะใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวเล่นงานมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 อย่างจีน ในการการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า หมายถึง ประชาชนสหรัฐอาจบริโภคสินค้าในราคาแพงขึ้น   

สหรัฐจะถอนตัวออกจากความเป็นหุ้นส่วนข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก (ทีพีพี) การจะหยิบยกข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา) มาเจรจาใหม่ หรือยกเลิก หลังจากสหรัฐทำข้อตกลงนี้กับเม็กซิโกและแคนาดาตั้งแต่ปี 2537

หรือการประกาศจะสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก เนรเทศผู้อพยพหลายล้านคน ที่ไม่มีเอกสารเข้าเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และห้ามคนจากประเทศที่ไม่เอาจริงกับก่อการร้าย เดินทางเข้าสหรัฐ เป็นต้น

ในประเด็นภาษีทรัมป์ระบุว่า จะลดภาษีอย่างหนักและปกป้องระบบดูแลสุขภาพ-เกษียณอายุ ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 1 ใน 3 ของการใช้จ่ายภาครัฐ ศูนย์วิเคราะห์งบประมาณระบุว่า นโยบายเหล่านี้จะทำให้หนี้สินของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

เหล่านี้คือนโยบายที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับผลกระทบในวงกว้าง

ทว่า หลายฝ่ายออกมาวิเคราะห์ว่านโยบายที่ทรัมป์หาเสียง ไม่อาจเป็นไปได้ทั้งหมด จากข้อจำกัดต่างๆ อาทิ ความเห็นจากทีมที่ปรึกษา หน่วยงานรัฐ วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฏร ฯลฯ ที่อาจเห็นไม่สอดคล้อง แม้พรรครีพับลิกันจะครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งวุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร ก็ตาม 

อย่างไรก็ตาม การชุมนุมประท้วงทรัมป์ ก็สามารถกระทำได้ ตราบเท่าที่ไม่สร้างความเดือดร้อน ไปจนถึงขั้น “ก่อจลาจล" 

แต่จำเป็นต้องเร่งหา จุดสมดุล คลี่คลายสถานการณ์อย่างทันท่วงที ก่อนเหตุการณ์จะบานปลายไปกว่านี้ 

และก่อน ‘American Dream’