High Value High Price

High Value  High Price

เราซื้อกระเป๋า เสื้อผ้าราคาแพงจากแบรนด์ระดับโลกราคาเป็นหมื่นเป็นแสนได้ ทั้งที่มูลค่าของวัตถุดิบไม่ได้มีราคาต่างกว่าแบรนด์ไทยเลย

แต่เราซื้อด้วยความรู้สึกชื่นชมในมูลค่าหรือ Value ของสินค้านั้นๆ มากกว่ามูลค่าที่แท้จริง 

ขอให้ได้มีโลโก้ใหญ่ๆ ให้คนเห็นก็ยิ่งชอบหรือสินค้าไฮเทค ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ มือถือ คอมพิวเตอร์ กล้อง นาฬิกา ฯลฯ เราก็ซื้อมาด้วยราคาแพงเพราะอาจจะมีค่าพัฒนาวิจัยคิดค้น แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะสร้างแบรนด์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ 

ขณะที่บ้านเราเป็นโรงงานผลิตสินค้าต่างๆมากมายเราไม่มีสินค้า High Value ของเราเลย แม้กระทั่ง “การท่องเที่ยว”ของเราเองก็ยังคงเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ ถึงเวลาหรือยังที่เราจะพัฒนาสินค้าของเราเองให้มีมูลค่าสูงไม่ใช่มาแข่งกันที่ราคา 

อย่างญี่ปุ่น และเกาหลี ก็ผ่านขั้นตอนนี้มาหมดแล้ว คือ เน้นขายสินค้าราคาถูกแล้วค่อยๆ พัฒนาแบรนด์สร้างมูลค่า 

วันวานญี่ปุ่นถูกถล่มจากสินค้ายุโรป และอเมริกาในหมวดสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า วันนี้เกาหลีก็ถล่มญี่ปุ่น และจีนเองก็กำลังมาถล่มเกาหลีต่อเช่นกัน แต่สำหรับไทย เราจะมาสร้างสินค้าไฮเทค ผมว่าคงไม่ใช่ทางเราครับ เราเองไม่ได้มีหัวมาทางนี้เลย แต่ถ้าเราพัฒนาสินค้าที่พัฒนามาจาก “รากฐาน” ของเราเองเป็นสินค้าที่ขึ้นชื่อของไทยให้ไปสู่สินค้ามูลค่าสูงด้วยแบรนด์เราเองน่าจะดีครับ 

ลองมาย้อนดูว่า ประเทศเรามีชื่อเสียงเรื่องอะไรบ้างดีกว่าครับ อาทิ เรื่องของ การนวดไทย นวดไทยของเราดังมากเราจึงควรต่อยอดผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้ต่อเนื่อง ทุกวันนี้ก็มีผลิตภัณฑ์สปาหลายยี่ห้อที่เริ่มออกสู่ตลาดโลกแล้ว เราน่าจะต่อยอดไปถึงการดูแลผิวพรรณได้อีกด้วยแต่เน้นการบำรุงให้สวยแบบเป็นธรรมชาติไม่ใช่แบบ คอสเมติกส์แบบฝรั่ง เราควรจะเน้นอะไรที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งสะท้อนตัวตนเราได้ดีกว่า หรือแม้กระทั่งน้ำมันนวดประเภทต่างๆ ที่เราดัง เป็นต้น

เรื่องของอาหาร เราควรสนับสนุนให้ส่งออกไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่เกี่ยวกับอาหารไทย ซอสปรุงรส หรือแม้กระทั่งผงสำเร็จรูปสำหรับทำอาหารไทย สนับสนุนให้เปิดคอร์สสู่ตลาดโลกก็จะเป็นแนวทางที่จะทำให้ธุรกิจต่อเนื่องกับอาหารไทยไปต่อได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เช่นเดียวกับอาหารญี่ปุ่น และอาหารฝรั่งครับเรื่องของมวยไทย ก็เป็นอีกหนึ่งหมวดที่เรากำลังทำให้คนไทยมีโอกาสมากขึ้น อย่าชาตินิยมหวงศิลปะเราและรู้สึกแย่ที่นักชกเราแพ้ต่างชาติ เพราะยิ่งมีคนต่างชาติมาชกมวยไทยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ประเทศไทยของเราดังขึ้นเรื่อยๆครับ ดูอย่างฟุตบอลสิครับวันนี้กลายเป็นกีฬายอดฮิตของคนทั้งโลก ต้นตำรับอย่างอังกฤษก็ไม่ได้เป็นแชมป์โลกมา 50 ปีแล้ว แต่อิงลิช พรีเมียร์ลีก (English Premier League) ก็กลายเป็นลีกที่ทำเงินมากที่สุดในโลกแบบนี้น่าจะดีกว่านะครับ

ผมมีความเชื่อว่า วันนี้คนไทยหลายคนพยายามที่จะดันเอาสินค้าไทยออกไปสู่ตลาดโลกแต่เราเองยังคงอยู่ในหมวดที่พยายามขายด้วย ราคา มากกว่า คุณค่า 

แบรนด์เป็นสิ่งที่ต้องสร้างต้องออกแรงและต้องลงทุนถ้าเราเริ่มต้นก่อนที่จะขายสินค้าของเราออกไปพร้อมๆ กับแบรนด์นั้นจะเป็นแนวทางต่อไปในอนาคตที่จะทำให้มูลค่าสินค้าของเราเพิ่มสูงขึ้นต่อไปได้ เช่น ซอสพริกทาบาสโก้ (Tabasco) ไปที่ประเทศไหนก็มีให้ใช้ มีขาย รวมถึง ซอสคิคโคแมน (Kikkoman) จากญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน 

นี่แหละครับคือทีเด็ด อย่างเราเองก็็มีน้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำจิ้มไก่ย่าง น้ำจิ้มแจ่ว อะไรอีกมากมาย แต่จำไว้นะครับเรียกชื่อมันแบบนี้เลยไม่ต้องไปแปลให้ฝรั่งคนต่างชาติเข้าใจ ให้เค้าลองแล้วจะรู้รสชาติเอง 

และนั่นแหละครับคืออีกวิธีหนึ่งในการสร้าง “มูลค่า” และ “สร้างแบรนด์สินค้า” จากประเทศไทยของเรา