มหัศจรรย์เลสเตอร์: ความบังเอิญหมายเลข 6 (1)

 มหัศจรรย์เลสเตอร์: ความบังเอิญหมายเลข 6 (1)

การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างน่ามหัศจรรย์ในปี 2016 ทำให้เลสเตอร์กลายเป็นทีมที่ 6 ในประวัติศาสตร์ 24 ปี

(2+4=6) ของรายการฟุตบอลลีกสูงสุดในประเทศ และเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดในประวัติศาสตร์ 132 ปี (1+3+2=6) ของสโมสรเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางของเกาะอังกฤษ

จุดเริ่มต้นแห่งตำนาน มหัศจรรย์เลสเตอร์เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ภายหลังจากที่มหาเศรษฐีจากเมืองไทยนาม “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ยอมทุ่มเงินเกือบ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อเทคโอเวอร์และบริหารสโมสรแห่งนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะนำเลสเตอร์ ซิตี้กลับเข้ามาสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้งในเร็ววัน

ฤดูกาล 2010-2011 เป็นฤดูกาลที่ 106 ในประวัติศาสตร์ของระบบฟุตบอลลีกแห่งเกาะอังกฤษที่มีการแบ่งเป็นดิวิชั่นต่างๆ แต่เป็นฤดูกาลแรกภายใต้การบริหารงานของเจ้าสัววิชัยที่จะต้องจดจำ โดยเฉพาะความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับต่อทีมปอร์ตมัทด้วยสกอร์ 6-1 เป็นสถิติที่ขมขื่นไม่น้อยสำหรับมือใหม่หัดบริหารสโมสรฟุตบอลจากประเทศไทยคนนี้

แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่ฤดูกาล 2015-2016 หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มสดใสต้อนรับเข้าสู่เป็นปีที่ 6 ภายใต้การบริหารจัดการของเจ้าสัววิชัยที่ได้รับการยกย่องจากสื่ออังกฤษว่าใจดีใจบุญชอบแจกชอบให้มากที่สุดคนหนึ่งในเกาะอังกฤษแล้ว นอกจากจะเป็นวาระตรงกับโอกาสครบรอบ 26 ปีในการเริ่มก่ออิฐก้อนแรกสร้างอาณาจักรคิง พาวเวอร์ในประเทศไทย (ซึ่งมีบริษัทในเครือทั้งหมด 16 บริษัท) แล้ว เจ้าสัววิชัยได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 6 ของประเทศไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 2,600 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ทั้งนั้น ส่วนสำคัญที่สุดแห่งความร่ำรวยนี้ อาจเป็นผลมาจากความโชคดีประหนึ่งทำบุญทำทานต่อเนื่องมา 6 ชาติจนส่งผลในชาตินี้ให้ได้สัมปทานธุรกิจจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีแต่เพียงผู้เดียว ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นับตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในปี 2006 และมีมูลค่าทางธุรกิจมหาศาลมากถึง 6 หมื่นล้านบาท

ในฤดูกาล 2015-2016 ที่เพิ่งผ่านมานี้ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมีโอกาสต้อนรับผู้จัดการทีมคนใหม่รวม 6 คน หนึ่งในนั้นก็คือ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ที่มีประสบการณ์คุมทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปมาหลายๆ ทีมโดยเลสเตอร์กลายเป็นทีมที่ 16 ในชีวิตสำหรับยอดโค๊ชอิตาเลี่ยนคนนี้ ซึ่งอาจจะเป็นทีมสุดท้ายก็เป็นได้

เลสเตอร์ ซิตี้เริ่มต้นฤดูกาลอย่างสวยงามทำสถิติไม่พ่ายแพ้ใครใน 6 นัดแรก โดยเฉพาะในนัดที่ 6 ที่สามารถบุกไปเสมอสโต๊ค ซิตี้เก็บหนึ่งแต้มกลับบ้านได้ กลายเป็นปัจจัยที่หนุนเสริมความมั่นใจขั้นแรกสำหรับนักเตะของเลสเตอร์ก็ว่าได้ เพราะ “Stoke Effect” ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นสถิติยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่ปี 2008 ว่า ไม่เคยมีทีมใดที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหากว่าไม่สามารถเก็บแต้มในถิ่นของสโต๊ก ซิตี้ได้แม้เพียงหนึ่งแต้ม

ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมเกินคาดเกินฝัน (โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับฤดูกาล 2014-2515 ซึ่งเลสเตอร์มีคะแนนเหนือกว่าอีก 6 ทีมในท้ายตารางจนรอดพ้นการตกชั้นอย่างเหลือเชื่อ) จึงส่งผลทำให้อัตราการต่อรองหรือโอกาสที่เลสเตอร์จะคว้าแชมป์เริ่มปรับเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้นทีละนิดๆ วันที่ 6 ตุลาคมกลายเป็นวันสุดท้ายสำหรับอัตราต่อรอง “5,000/1” อันลือชื่อ และเลสเตอร์ได้ขยับกลายเป็นทีมเต็ง 6 แบบไม่ต้องเกรงใจใครอีกต่อไป

การพ่ายแพ้อย่างย่อยยับที่สุดในฤดูกาลต่ออาร์เซนอลเมื่อวันที่ 26 กันยายน กลายเป็นพลังผลักดันให้เลสเตอร์ทะยานพุ่งราวกับสุนัขจิ้งจอกติดปีก สามารถรีดฟอร์มเก่งเก็บเกี่ยวชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องถึง 26 แต้ม (จาก 30 แต้ม) ขึ้นนำเป็นอันดับหนึ่งในตารางในวันคริสต์มาสที่มีความหมายทางจิตวิทยาเป็นอย่างยิ่ง เพราะสถิติที่มีการบันทึกไว้ยืนยันว่า ในช่วง 6 ฤดูกาลล่าสุดก่อนหน้านี้ มีถึง 5 ทีมแชมป์ที่มีคะแนนนำเป็นที่หนึ่งในวันคริสต์มาส (และเลสเตอร์กลายเป็นทีมที่ 6 ที่ตอกย้ำความเชื่อนี้)

ความปราชัยต่อลิเวอร์พูลในแมทช์วันที่ 26 ธันวาคมส่งผลทำให้เลสเตอร์เกิดอาการสะดุดขึ้นมาในทันทีและส่งผลต่อเนื่องข้ามปีไปจนถึงแมทช์วันที่ 16 มกราคม ซึ่งเลสเตอร์สามารถเก็บเกี่ยวได้เพียง 6 แต้มเท่านั้น จนถูกอาร์เซนอลแซงนำขึ้นเป็นจ่าฝูง

ณ จุดนี้ทั้ง 6 ทีมในหัวตารางที่มีสิทธิลุ้นแชมป์ตระหนักดีว่าเกม 6 นัดหน้าสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะตัดสินอนาคตของว่าที่แชมป์กันเลย