ระเบิดไปแล้ว สติต้องกลับมา

ระเบิดไปแล้ว สติต้องกลับมา

แม้ว่ามันจะอยู่ในความทรงจำอันโหดร้าย

 หรือฝันร้าย อย่างที่ “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า “คสช.” กล่าวกับคนไทย

แต่มันก็ผ่านไปแล้ว อย่างน้อยในช่วงที่เจ้าหน้าที่ “ตำรวจ-ทหาร” พลิกแผ่นดินล่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ คงไม่มีใครกล้าออกมาทำอะไรอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 - 12 สิงหาคมที่ผ่านมา

นั่นคือเหตุวางระเบิดและวางเพลิง จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญของไทย เช่น ที่ประจวบคีรีขันธ์ พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน และบาดเจ็บจำนวนมาก

แต่ “สติ” ที่ต้องกลับมาอย่างเร็วที่สุด คือ “สติ” ของ “คสช.” และรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการดูแลรักษาความสงบให้เข้มงวดรัดกุมขึ้น โดยมีเหตุวางระเบิดและวางเพลิงครั้งนี้เป็นบทเรียน รวมถึง “สติ” ที่จะหาตัวคนทำผิดมาลงโทษ โดย ไม่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล หรือ ข้อเท็จจริงแห่งคดี

ที่สำคัญ อย่าเพิ่งด่วนมองไปยังฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ก่อนที่จะจับคนทำผิดได้และมีพยานหลักฐานมัดแน่น มิเช่นนั้น จะถูกการเมือง “ชักใบให้เรือเสีย” ได้ง่าย และสุดท้ายก็จะไม่ได้ตัวคนที่ทำผิดอย่างแท้จริงมาลงโทษ นอกเสียจากผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้นเอง

แม้ว่าแง่มุมวิเคราะห์ของ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ก็นับว่ามีเหตุผล

นั่นคือ จากการตรวจสอบของตำรวจพบว่า ระเบิดที่ก่อเหตุมีลักษณะคล้ายคลึงกับระเบิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมี 2 ชนิด คือ ระเบิดสังหารและระเบิดที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ แต่ไม่น่าจะใช่กลุ่มก่อเหตุรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะพวกนี้มีอุดมการณ์และทำงานในพื้นที่เท่านั้น เนื่องจากเสี่ยงต่อการถูกจับกุมได้ง่ายและถูกต่อต้านจากชาวมุสลิมด้วยกัน

"อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มโจรบางกลุ่มที่มีนักการเมืองเป็นลูกพี่ ซึ่งกลุ่มโจรนี้ อาจจะออกมาเคลื่อนไหวโดยรับเงินว่าจ้างมา แต่ไม่ได้ออกมาในลักษณะกลุ่มโจร แต่เป็นรูปแบบการช่วยเหลือ(ลูกพี่)

ถึงกระนั้น ผลการสืบสวนสอบสวนของพนักงานสอบสวนจะเป็นตัวตัดสิน ว่าแท้จริงแล้วใครเป็นคนทำเพื่อเป้าหมายอะไร

อีก “สติ” ที่จะต้องตั้งมั่นกันให้ดี ก็คือ คนไทยทุกฝ่าย ที่เวลานี้ดูเหมือนกล่าวหาโจมตีกัน ไปไกลกว่าผลการสืบสวนสอบสวนของตำรวจแล้ว โดยเฉพาะในโลกโซเชียล เพราะนั่นเท่ากับเป็นการซ้ำเติมความเลวร้ายให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

ปล่อยให้เจ้าหน้าที่เขาได้ทำงาน อย่างที่ ลุงตู่ว่า ก็จะดีมิใช่น้อย