คนดีวัดกันที่ไหน

คนดีวัดกันที่ไหน

วันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา คุณอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SCB

พร้อมด้วยผู้บริหารและผู้แทนผู้นำรุ่นใหม่เข้าร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการผู้นำเพื่อการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน CONNEXT ED ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในวันนั้นผมได้ฟัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแสดงปาฐกถามีใจความที่น่าสนใจตอนหนึ่งว่า “การศึกษาไม่ใช่แค่คุณวุฒิ แต่ต้องปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมด้วย ไม่ต้องอะไรมากศีล 5 ข้อนี่ก็สร้างภูมิคุ้มกันให้ประเทศชาติเราได้แล้ว” ท่านย้ำให้เห็นว่าประเทศชาติไม่ได้ต้องการแค่ คนเก่ง แต่ยังต้องการคนเก่งที่เป็น คนดี อีกด้วย

คนเก่งว่าหายากแล้ว คนเก่งและดี ด้วยนั้นหายากยิ่งกว่า เราวัดความเก่งของคนได้หลายวิธีเช่น การใช้ Test, Assessment, หรือเอา Competency มาประเมิน แต่ความดีของคนนี่สิครับจะวัดกันด้วยอะไร? ในความเห็นของผมนิยามของคนดีถูกระบุไว้ชัดเจนในคำสอนของพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสว่า คนดีคือคนที่ไม่ทำบาปทั้งปวง และ คนจะไม่ทำบาปทั้งปวงก็ต้องประพฤติศีล สำหรับฆราวาสอย่างเราท่านให้ประพฤติ “ศีล 5” ซึ่งเหมาะกับวิถีการดำรงชีวิตของเรา จิตมนุษย์ที่ยังไม่ได้ฝึกนั้นเปรียบเหมือนเสือ การประพฤติศีล 5 จึงเปรียบเหมือนจับเสือใส่กรง เสือที่อยู่ในกรงย่อมไม่สามารถทำร้ายผู้อื่นได้ ศีล 5 จึงเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้คนทำบาปทางกายและวาจาทั้ง 5 ประการนั่นเอง

ก่อนที่จะตัดสินใจประพฤติศีลเราต้องศึกษาถึงองค์ประกอบที่เป็นข้อห้ามของศีลแต่ละข้อให้เข้าใจถ่องแท้เสียก่อน องค์ประกอบของศีลแต่ละข้อมีดังนี้

ศีลข้อที่ 1 เว้นจากการฆ่าสัตว์ มีองค์ประกอบคือ 1) รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต 2) มีเจตนาจะฆ่าให้ตาย 3) วางแผนฆ่า 4) ลงมือฆ่าสัตว์นั้น 5) สัตว์นั้นถึงแก่ความตาย

ศีลข้อที่ 2 เว้นจากการลักทรัพย์ มีองค์ประกอบคือ 1) รู้ว่าทรัพย์นั้นมีเจ้าของ 2) มีเจตนาลักทรัพย์นั้น 3) วางแผนลักทรัพย์ 4) ลงมือลักทรัพย์ 5) ได้ทรัพย์นั้นมาเป็นของตน

ศีลข้อที่ 3 เว้นจากการประพฤติผิดในกาม มีองค์ประกอบคือ 1) รู้ว่าหญิง/ชายนั้นไม่ใช่คู่ครองของตน หรือหญิง/ชายนั้นยังอยู่ในความดูแลของพ่อ แม่ ผู้ปกครอง 2) มีเจตนาจะร่วมเสพสม 3) วางแผนเพื่อให้ได้เสพสมกับหญิง/ชายนั้น 4) ล่วงละเมิด เสพสมกับหญิง/ชายนั้น

ศีลข้อที่ 4 เว้นจากการพูดเท็จ มีองค์ประกอบคือ 1) รู้ว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องเท็จ 2) มีเจตนาจะพูดเรื่องเท็จ 3) พูดเรื่องเท็จให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องจริง 4) ผู้ฟังเชื่อว่าเรื่องที่พูดมาเป็นเรื่องจริง

ศีลข้อที่ 5 เว้นจากการดื่มน้ำเมา มีองค์ประกอบคือ 1) รู้ว่าสิ่งนั้นคือน้ำเมา 2) มีเจตนาจะดื่ม 3) พยายามที่จะดื่ม 4) น้ำเมานั้นล่วงลำคอลงไป

เมื่อพิจารณาดูแล้วจะถือว่า ศีล 5 เป็น Competency ของคนดีก็น่าจะได้เพราะมีรายละเอียดพฤติกรรมที่ชัดเจนและสามารถวัด Proficiency Level ได้ตาม ความสะอาดบริสุทธิ์ของศีล ที่แต่ละคนรักษา การรักษาศีลนั้นยึดถือเอา เจตนา เป็นสำคัญ หากขาดเจตนาก็ถือได้ว่าศีลข้อนั้นยังไม่ขาดสมบูรณ์ ผมขอยกเอาศีลข้อที่ 1 มาอธิบายเป็นกรณีดังนี้ครับ กรณีที่ 1) นาย ก เกลียดจิ้งจกมาก เมื่อเห็นจิ้งจกเข้ามาอยู่ในบ้านก็คิดจะกำจัดมัน จึงหาไม้มาตีจิ้งจกจนตายแล้วเอาไปโยนทิ้ง กรณีนี้ นาย ก มีเจตนาแรงกล้าที่จะฆ่าและกระทำการครบทุกองค์ประกอบ จึงถือว่า ศีลขาดโดยสมบูรณ์, กรณีที่ 2) นาย ข ไปเข้าห้องน้ำไม่ทันสังเกตเห็นจิ้งจกเกาะอยู่ที่ขอบประตู เมื่อปิดประตูจิ้งจกตัวนั้นก็ถูกประตูหนีบตายในทันที เมื่อนาย ข เปิดประตูออกมาเห็นซากจิ้งจกแบนติดขอบประตูจึงรู้ว่าตนฆ่าจิ้งจกไปเสียแล้ว กรณีนี้นาย ข ไม่ได้วางแผนฆ่าและขาดเจตนา จึงถือว่า ศีลด่างพร้อย ถึงศีลจะยังไม่ขาดโดยสมบูรณ์แต่ก็ไม่สะอาดบริสุทธิ์, กรณีที่ 3) นาย ค ตั้งใจรักษาศีลอยู่เป็นนิจ เมื่อจิ้งจกเข้ามาในบ้านก็ค่อยๆ จับมันไปปล่อยอย่างเบามือ ไม่ใช่แต่จิ้งจกเท่านั้นสัตว์เล็กสัตว์น้อยเช่น มด ต่างๆ นาย ค ก็ระวังไม่ให้เผลอไปเหยียบมันเข้า กรณีนี้ นาย ค มี ศีลสะอาดบริสุทธิ์

คนที่ประพฤติศีล 5 ย่อมได้รับความสุขและความสงบทางใจมากมายมหาศาลเพราะไม่ต้องมีความวิตกกังวลว่าใครจะมาทำร้ายให้เดือดร้อนเนื่องจากตนไม่ได้ไปทำร้ายผู้อื่นด้วยกายและวาจาจึงไม่มีใครคิดจะแก้แค้นเอาคืนอยู่ที่ไหนก็มีแต่ความสงบสุขไปที่ไหนใครก็รักเป็นบุคคลที่มีคุณค่าต่อสังคมนั้นๆ

หากมองว่าศีล 5 เป็น Competency ของคนดี องค์กรไหนอยากนำไปใช้ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ภาวะผู้นำหรือ Leadership มีความสำคัญมากที่สุด ผู้นำต้องทำตัวเป็นแบบอย่างคือต้องเป็นผู้ประพฤติศีลและทำให้พนักงานในองค์กรเห็นว่าการประพฤติศีลเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร หากเสื้อผ้าคืออาภรณ์ประดับกาย

ศีลก็คืออาภรณ์ประดับใจและเป็นเครื่องหมายของคนดี ดังคำกล่าวที่ว่า คนดีวัดกันที่ศีลและ คนที่ไม่มีศีลไม่ทำชั่วไม่มีในโลกสวัสดีครับ