สิ่งที่คุณควรรู้ ก่อนทำประกันรถยนต์

จริงอยู่ที่ตามกฏหมายที่กำหนด หากคุณทำ พรบ. รถยนต์จะมีประกันให้กรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันอยู่แล้ว แต่นัน้ก็เป็นเพียงวงเงินที่ช่วยแบ่งเบาภาระเมื่อเกิดเหตุได้บางส่วนเท่านั้น

ดังนั้น การทำประกันภาคสมัครใจ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใครหลายๆ คนเลือก และสำหรับคนรุ่นใหม่หลายๆ คน อาจจะยังสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอน รวมถึงสิ่งที่ควรรู้ ว่าแต่จะมีอะไรกันบ้างนะ เราไปดูกันเลยดีกว่า

การทำประกันรถยนต์  คืออะไร

การทำประกันภัยรถยนต์ แบ่งเป็น 2 ภาค

- ภาคบังคับ คือ พรบ. กฎหมายบังคับรถทุกคันต้องทำ สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่ใช้รับจ้าง หรือเช่า กำหนดให้จำหน่ายราคาเดียวกันทุกบริษัทประกันภัย

- ภาคสมัครใจ คือ ประกันที่เจ้าของรถเป็นผู้สมัครทำประกัน กับบริษัทเอกชนอื่นๆ โดยที่ภาครัฐไม่ได้กำหนด แต่ตัวผู้ทำประกันสมัครใจในการทำ ซึ่งประกันภาคสมัครใจเหล่านี้ ก็คือประกันรถยนต์ที่โฆษณาตามสื่อต่างๆ นั้นเอง โดยประกันจะแบ่งเป็น 3 หมวด คือ

1. ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน

2. ความรับผิดต่อตัวรถยนต์ที่เอาประกันซึ่งได้รับความเสียหาย สูญหาย ไฟไหม้

3. ความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย จะคุ้มครองเรื่อง อุบัติเหตุส่วนบุคคลเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย ส่วนที่เกินจาก พรบ. และการประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา

โดยการทำประกันนั้น จะช่วยคุ้มครองคุณเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และช่วงแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามเงื่อนไขของประกันอีกด้วย

ประกันชั้น 1 ชั้น 2 ชั้น 3 แตกต่างกันอย่างไร เลือกอะไรดี?

เมื่อตัดสินใจทำประภันภาคสมัครใจเสริมแล้ว หลายคนก็อาจจะยังงงๆ อยู่ดีว่า ประกันภาคสมัครใจอย่าง ประกันชั้น 1 ชั้น2 ชั้น3 เหล่านี้ แตกต่างกันอย่างไร วันนี้เราก็มีสรุปง่ายๆ ว่าให้ดูกัน!

- ประกันชั้น 1 นั้น จะคุ้มครองครอบคลามแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุกการชน รถหาย น้ำท่วใม ไฟไหม้ ซึ่งทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทด้วย  แต่โดยรวมนั้น จะคุ้มครองมากกว่าประกันชั้นอื่นๆ และรถที่ทำส่วนมากจะมีสภาพรถไม่เกิน 7 ปี

- ประกันชั้น 2  ความคุ้มครองจะเป็นรองลงมาจากประกันชั้น 1 แต่ก็มีบางประเภท เช่น ประกันชั้น2+ ที่ให้ความคุ้มครองไม่แตกต่างไปจากประกันชั้น 1 เพียงแต่เหมาะสำหรับรถที่มีอายุเกินที่จะทำประกันชั้น 1 นั้นเอง

- ประกันชั้น 3 ควารมคุ้มครองนั้น อาจจะไม่ครอบคลุมมากเท่ากับประกันชั้น 1 หรือชั้น2 แต่มีราคาที่ถูกกว่า

เตรียมตัวก่อนทำประกันรถยนต์

เมื่อรู้ถึงข้อแตกต่างของทั้งสองประกันแล้ว เราขอบอกได้เลยว่า แค่ประกันที่ภาครัฐบังคับให้ทำนั้นอาจจะไม่เพียงพอเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น แล้วถ้าอยากทำประกันภาคสมัครใจบ้าง ต้องทำยังไงบ้างนะ ?

1. ควรทราบเงื่อนไขของแต่ละบริษัท และประเภทของประกันที่ต้องการก่อนว่า ประกันแต่ละแบบคุ้มครองอะไรบ้าง ครอบคลุมกับการประกันที่เราต้องการหรือไม่ เพื่อเป้นการตัดสินใจเลือกประกันให้ตรงใจคุณที่สุด

2. ภายในรถของคุณ มีอุปกรณ์ตกแต่งรถไหม เพราะหากคุณไม่แจ้งหรือไม่ประกันเพิ่ม ประกันจะไม่คุ้มครองเมื่เกิดเหตุเว้นแต่มาจากศูนย์ และคุณควรมีเอกสารยืนยันที่มา แต่ถ้าอยากให้ประกันคุ้มครองก็สามารถจ่ายเพิ่มได้เช่นกัน

3. เตรียมรายละเอียดต่างๆ ที่ทางบริษัทประกันต้องการ เช่น เล่มทะเบียนรถ สภาพรถ เอกสารที่สำคัญเกี่ยวกับรถ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่สอบถามเพิ่มเติม แต่ถ้าหากเป็นการต่อประกันรถให้เตรียมกรมธรรม์เดิม และเล่มทะเบียนรถ ให้พร้อมในกรณีที่ต่อประกันกับเจ้าใหม่ เพราะต้องให้ข้อมูลบางอย่างแก่เจ้าหน้าที่ของประกันเจ้าใหม่ด้วย เพื่อประโยชน์ให้การทำประกันของคุณเอง

4. ศึกษาความน่าเชื่อถือ รวมถึงโปรโมชั่น, ส่วนลด, ผ่อนได้หรือไม่ และเปรียบเทียบราคาประกันของแต่ละบริษัท หากคุณตัดสินใจต่อบริษัทเดิม ก็ไม่ต้องเตรียมอะไรเลย แต่ควรแจ้งล่วงหน้าก่อนวันหมดประกัน ซึ่งปกติบริษัทมักจะเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 เดือน จะเป็นการดีที่สุด

5. สอบถามเรื่องการซ่อมรถยนต์หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ให้คุณดูว่าสามารถเลือกอู่ซ่อมได้เองหรือไม่ ถ้าเป็นอู่ที่เลือกมาให้ก็ต้องเป็นอู่ที่ซ่อมรวดเร็ว และมีจำนวนเพียงพอให้เลือกใช้บริการ รวมถึงต้องได้มาตราฐานการซ่อมด้วย

และนี่ ก็เป็นพื้นฐานน่ารู้ง่ายๆ ก่อนที่คุณจะลงมือทำประกันรถยนต์ หรือเตรียมตัวต่อประกันรถยนต์นั้นเอง  

อ่านเพิ่มเติม https://finance.rabbit.co.th/car-insurance