Brexit:ถึงเวลา.. “เชือดไก่ให้ลิงดู”
หลังจากทราบผลนับคะแนนการทำประชามติออกจากอียูของอังกฤษที่ผลออกมาว่า “ออก” ด้วยคะแนนเสียง
51.9% : 48.1% ตามมาด้วยประเทศสมาชิกอีกหลายประเทศเริ่มมีปฏิกิริยาอยากทำประชามติแบบเดียวกับอังกฤษบ้าง งานนี้...คุณผู้อ่านคิดว่า เยอรมัน...พี่ใหญ่ของกลุ่มอียู จะยอมอยู่เฉยๆ หรือเปล่าครับ? ผมจึงอยากสรุปให้คุณผู้อ่านได้เห็นภาพดังนี้ครับ
หนึ่ง สาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิด “Brexit”
ปัญหาผู้อพยพ ดูเหมือนว่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ผลักดันให้เกิดเหตุการณ์ “Brexit” บิลบอร์ดขนาดใหญ่ที่นายไนเจล ฟาราจ หัวหน้าพรรคอิสรภาพเป็นผู้สั่งทำขึ้น เพื่อรณรงค์อย่างหนักให้อังกฤษออกจากอียู ซึ่งเป็นภาพของผู้อพยพจำนวนมากที่หนีสงครามจากตะวันออกกลางกำลังเดินทางเข้าอังกฤษ ซึ่งภาพนี้ยังบรรยายด้วยว่า “เราต้องออกจากอียู และกลับมาควบคุมพรมแดนของเราด้วยตัวเราเอง”ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนอย่างรุนแรงว่า ถ้าอังกฤษไม่ออกจากอียู ก็จะต้องเผชิญกับผู้อพยพที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่จำกัด
และภาพนี้แหละ...ที่ถือว่าเป็นการทิ่มใจดำคนอังกฤษและคนยุโรปอย่างสุดๆ และทำให้คนอังกฤษจำนวนมากตัดสินใจโหวต “ออก” ด้วยความกลัวและความเกลียดผู้อพยพที่เกิดขึ้นจากการเห็นภาพนี้
สอง ความแตกแยกในประเทศ...หลังการโหวต “ออก” ของอังกฤษ
ความแตกแยกของ “คนแก่” และ “คนหนุ่มสาว” ข้อเท็จจริงที่สำคัญในการโหวต “ออก” ในครั้งนี้ก็คือ ส่วนใหญ่มาจาก “คนแก่” ของอังกฤษเอง โดยพบว่าหนุ่มสาวอายุ 18-25 ปีโหวตให้ “อยู่ต่อ”สูงถึง 75% ส่วนคนช่วงอายุ 50-64 โหวต “ออก” มีถึง 56% และคนอายุมากกว่า 65 ปีโหวตให้ “ออก” สูงถึง 61%
ความแตกแยกในแต่ละพื้นที่ จากการเก็บสถิติแสดงให้เห็นว่าผู้คนในกรุงลอนดอน ในไอร์แลนด์เหนือ และในสก็อตแลนด์ และพื้นที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง รวมถึงยิบรอลตาร์ มีผู้โหวตต้องการอยู่กับอียูมากกว่าผู้โหวตออกจากอียู โดยเฉพาะยิบรอลตาร์ที่มีผู้โหวตคงอยู่กับอียูมากถึง 95.9% และในสก็อตแลนด์มีผู้โหวตคงอยู่กับอียูถึง 62% จึงทำให้เกิดกระแส “แยกตัว” ออกจากอังกฤษเพื่อกลับไปอยู่กับอียู
นิโคล่า สเตอร์เจียน มุขมนตรีของสก็อตแลนด์ ประกาศว่ามีแผนการประชามติให้สก็อตแลนด์เป็นเอกราชครั้งที่ 2 โดยกล่าวว่ามันเป็นเรื่อง “ยอมรับไม่ได้ในทางประชาธิปไตย” ที่สก็อตแลนด์จะต้องออกจากการเป็นสมาชิกอียู ขณะที่คนส่วนใหญ่ของสก็อตแลนด์โหวตให้ “อยู่ต่อ” ร่วมกับอียู
มาร์ติน แมคกินเนส รองมุขมนตรีไอร์แลนด์เหนือเรียกร้องให้มีการลงประชามติรวมไอร์แลนด์ให้เป็นประเทศเดียวจากที่ไอร์แลนด์เหนืออยู่ภายใต้สหราชอาณาจักร เพื่อจะได้แยกตัวออกมาจากอังกฤษ
สาม คนชาติอื่น ส่งสัญญาณอยากทำประชามติ...เลียนแบบอังกฤษ
ปัญหาผู้อพยพ...ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้หลายๆ ประเทศในกลุ่มอียู เริ่มส่งสัญญาณอยากทำประชามติออกจากอียูตามอังกฤษไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น นายเคียดร์ วิลเดอร์ หัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายขวาในเนเธอร์แลนด์ ที่ออกมายืนยันว่าหากเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป จะจัดการลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป
ในทำนองเดียวกันนางมารีน ลู แปง หัวหน้าพรรคขวาจัดของฝรั่งเศส เรียกร้องให้ประเทศจัดการประชามติถามความเห็นประชาชนว่าจะอยู่หรือไปจากอียู เช่นเดียวกับอังกฤษ โดยย้ำว่านี่เป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะตัดสินอนาคตของตนเองตามระบอบประชาธิปไตย พร้อมกับกล่าวหาว่าอียูเป็นต้นเหตุของการว่างงาน เศรษฐกิจตกต่ำ และยังล้มเหลวในการป้องกันไม่ให้กลุ่มก่อการร้ายและผู้อพยพเข้ามาในภูมิภาค
ฤา.. นี่จะเป็นจุดจบของ “อียู” เมื่อบรรดาชาติสมาชิกอยากทำประชามติ “ออก” จากอียูเลียนแบบอังกฤษ
สี่ Brexit:ถึงเวลา.. “เชือดไก่ให้ลิงดู”
จากนี้ไป.. อังกฤษจะเดินต่อไปอย่างสบายใจแล้ว ไม่ต้องจ่ายเงินให้อียูปีละหลายพันล้านปอนด์ไม่ต้องรับผู้อพยพปีละกว่าแสนคน และไม่ต้องเข้าไปอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่มากมายของอียูแล้ว แต่...ช้าก่อน !!!
เราต้องไม่ลืมว่า พี่เบิ้มของอียูในเวลานี้ก็คือ นางแองเกลา เมอร์เคิล หญิงเหล็กแห่งเยอรมัน ผู้เคยกำราบนายอเล็กซิส ไซปราส นายกรัฐมนตรีของกรีซ ในวิกฤตการณ์การขอแยกกรีซออกจากอียู “Grexit” มาแล้ว ท้ายที่สุด..กรีซก็ไปไม่รอด และทุกวันนี้ยังคงต้องตกอยู่ในหล่มปรักแห่งมาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มข้นไปอีกนานแสนนาน
สำหรับการโหวตแยกตัวเองของอังกฤษ..ในครั้งนี้ ในอนาคตระยะสั้นและระยะยาว ผมเชื่อว่า นางสิงห์เหล็ก..ก็คงไม่ยอมให้อังกฤษตีตัวออกจากอียูไปได้อย่างสบายใจเฉิบ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว บรรดาประเทศเล็กๆ อีกหลายประเทศก็คงคิดจะทำประชามติ “ออก” จากอียู ตามๆ กันในเวลาอันใกล้นี้เป็นแน่
นับตั้งแต่วินาทีนี้..เราจึงต้องจับตามองว่า อังกฤษ..จะต้องประสบกับมาตรการที่เข้มข้นหรือเคราะห์กรรมอะไรต่อไปอีก และมาตรการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” อย่างเข้มข้นคงต้องปล่อยออกมาไม่ช้าก็เร็ว เพื่อเตือนบรรดาประเทศที่คิดจะ “ตีตัวออกห่าง” ให้รู้ว่า...
“ชาตินี้..อย่าคิดหนีออกจากอียูเป็นอันขาด”