เมื่อโลก 'สวิง' ธุรกิจไปทางไหน?

ข้ามโลกทำได้เพียงปลายนิ้ว แต่ยังหมายรวมถึงการ “ติดจรวด” ผลกระทบจากความแปรปรวนของโลก โดยเฉพาะมิติในแง่ลบ ที่ส่งผลกระทบลามทั่วโลก เพียงเสี้ยววินาที ทั่วโลกก็ถูกทิ้งบอมบ์..!!

เห็นได้ชัดจากการโหวตประชามติของประชาชนอังกฤษ ที่มีมติให้อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) โดยผลโหวตรู้ผลช่วงบ่ายวันที่ 24 มิ.ย.เวลาในไทย มติดังกล่าวทำให้ตลาดเงิน-ตลาดทุนผันผวนทั่วโลก 

โดยค่าเงินปอนด์ในตลาดเอเชียทรุดลง 10% แตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ 1.3229 ปอนด์ต่อดอลลาร์ และร่วงลง 6% ในตลาดลอนดอน ส่วนเงินดอลลาร์ร่วงลงต่ำกว่า 100 เยนต่อดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง ที่ 99.02 เยน หลังจากนักลงทุนหันไปถือครองเงินเยนซึ่งถูกมองว่าเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย

สกุลเงินเอเชียซึ่งถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยง ถูกเทขายในช่วงที่นักลงทุนวิ่งหาแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย เงินวอนเกาหลีใต้ร่วงลง 2.4% มากสุดในรอบเกือบ 5 ปี เงินรูเปี๊ยะห์อินโดนีเซียลดลง 1.7% เงินริงกิตมาเลเซียดิ่งลง 2.7% ดอลลาร์สิงคโปร์ร่วง 1.5% เงินหยวนลดลงมากกว่า 0.7% สู่ระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 5 ปีที่ 6.6285 หยวนต่อดอลลาร์ จนธนาคารกลางหลายประเทศประกาศเข้าแทรกแซงตลาดเงิน

ขณะที่ค่าเงินบาท ผันผวนหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยวันที่ 24 มิ.ย. เปิดตลาดที่ 35.20บาทต่อดอลลาร์ ระหว่างวันอ่อนค่าไปถึง 35.54 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุด 35.08 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนอ่อนค่ามาปิดที่ 35.31บาทต่อดอลลาร์ 

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลกันว่า การที่อังกฤษออกจากอียู จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงหางเลขต่อเศรษฐกิจไทย ที่แม้ขนาดการค้าระหว่างไทยกับอังกฤษ ไทยส่งออกไปอังกฤษคิดเป็น 1.8% ในปี 2558 ขณะที่ไทยส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรป ไม่รวมอังกฤษ คิดเป็น 8.4% ของมูลค่าส่งออกรวม ก็ตาม

ทว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับไทย ไม่เฉพาะตลาดเงิน-ตลาดทุน การค้าระหว่างประเทศ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เท่านั้น 

ในแง่ของการท่องเที่ยว ยังประเมินจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ว่า จะเกิดผลกระทบสั้น (1-3 เดือน) ต่อการท่องเที่ยวไทย โดยหากค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 3-10% จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวอังกฤษลดลงราว 1-5% ขณะที่ค่าเงินยูโร หากได้รับผลกระทบตามทำให้อ่อนค่าลงราว 5-20% ทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปลดลงไม่เกิน 5%บางตลาดที่อ่อนไหวและลดลง5-10%

เหล่านี้คือการแปรปรวน จากปัจจัยภายนอกประเทศ ที่ยากจะรับมือ โดยมีความก้าวหน้าของเทคโลยีเป็น “ตัวเร่ง” ปฏิกิริยา (Catalyst)

แล้วเศรษฐกิจและธุรกิจไทย จะไปทางไหน ภายใต้ความปรวนแปร เช่นนี้

การทำตัวเองให้แข็งแกร่งจากภายใน ลดการพึ่งพิงสถานการณ์ภายนอก ที่เป็นได้ทั้ง อานิสงส์ และ วิกฤติ 

น่าจะเป็นทางออกหนึ่งของการ “ลดผลกระทบ” เมื่อโลกมาปะทะได้บ้าง

แม้จะเป็นเรื่องที่พูดง่าย แต่ทำยาก 

แต่ยังไงก็ต้องทำ...!!